‘อาลีบาบา’ เปิดเทรนด์ ‘สินค้าฮิต’ ยอดพุ่งแรงปี 2023
ความขัดแย้งทั่วโลก การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และการขาดแคลนพลังงาน ดูเหมือนจะยกขบวนมาเกิดขึ้นพร้อมๆ กันในปีนี้ แต่แม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ ‘อีคอมเมิร์ซ’ ยังคงเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้า และบริการที่มั่นคงสำหรับร้านค้าออนไลน์แบบ บีทูบี (Business to Business)
“อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่วงการอีคอมเมิร์ซ ออกมาคาดการณ์แนวโน้มสินค้าออนไลน์ยอดฮิตปี 2566 โดยระบุว่า อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ยอดขายทั่วโลกอาจโตเกิน 5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ และด้วยยอดขายที่ถีบตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ บีทูบี จะกลายเป็นกลุ่มที่มีเงินสะพัดมหาศาล นั่นหมายความว่าปี 2566 ที่จะมาถึงนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความยิ่งใหญ่ของอีคอมเมิร์ซ
อาลีบาบา คาดการณ์แนวโน้ม สินค้าออนไลน์ยอดฮิตปี 2566
- กลุ่มสุขภาพมาแรง หลังโควิดคลี่คลาย
อาลีบาบา เปิด รายการผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่จะฮิตติดเทรนด์ในปี 2566 โดยกลุ่มที่ติดโผ ได้แก่ กลุ่มสุขภาพและไลฟ์สไตล์ การมีสุขภาพและพลานามัยที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้คนยุคนี้ จากข้อมูลของ World Economic Forum พบว่า ประชากร 62% สารภาพว่าพวกเขาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมสำหรับหมวดนี้ ได้แก่
- อาหารเสริมทางการแพทย์
- เครื่องฟอกอากาศ
- ขวดน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
จากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพกำลังส่งเสริมให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
- กลุ่มแฟชั่น
ถือเป็นสินค้าหลักที่ครองตลาดอีคอมเมิร์ซแบบ บีทูบี อย่างไรก็ตามเทรนด์ล่าสุด เช่น การกลับไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง และการมีส่วนร่วมในสังคม กำลังสร้างความนิยมในสินค้าแฟชั่นบางรายการ ให้มาแรงแซงโค้งในปี 2566 นี้ ไม่ว่าจะเป็น กางเกงยีนส์เอวสูง เสื้อผ้าสำหรับใส่กลางแจ้งกำลังได้รับความนิยม ชุดกระชับสัดส่วน เป็นต้น
- กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและความงาม
อุตสาหกรรมความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายมีแนวโน้มเติบโตมากกว่า 50% และจะมีรายได้มากถึง 131,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2569 รายการสินค้าที่เป็นผู้นำเทรนด์ในปีหน้า เช่น วิกผม Sleeping mask แปรงสีฟันไฟฟ้า น้ำมันใส่ผม
- กลุ่มอุปกรณ์ในครัว
แม้อาหารจานด่วน และการสั่งอาหารกลับมาทานที่บ้าน จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด แต่ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากขึ้น หันกลับไปรับประทานอาหารที่ปรุงเองที่บ้าน รายงานจาก PM News Wire เผยว่า ผู้บริโภค 7 ใน 10 ราย ยังคงปรุงอาหารที่บ้านต่อไป แม้จะผ่านพ้นช่วงระบาดใหญ่ไปแล้ว สินค้าขายดีในหมวดนี้ เช่น หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องปั่นแบบพกพา อุปกรณ์จัดเก็บต่างๆ ในครัว
- กลุ่มของแต่งบ้าน
สินค้าสำหรับตกแต่งบ้าน ยังมียอดขายและการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าตลาดที่สูงทะลุ 641.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 4.8% ต่อปีระหว่างปี 2564-2569 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมวดนี้ เช่น พรมเช็ดเท้าสำหรับตกแต่ง ม่านทึบแสง โคมไฟข้างเตียง โซฟา เบด
- กลุ่มการดูแลเด็ก
แม้ปัจจุบันผู้คนจำนวนมาก จะมองเรื่องการมีบุตรเป็นเรื่องรอง แต่ตัวเลขการใช้จ่ายสุทธิล่าสุดในสินค้าหมวดนี้ กลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะผู้ปกครองต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ดีสำหรับลูกๆ ทั้งยังต้องการสร้างไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น
ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กที่ผู้คนมักหาซื้อทางออนไลน์ เช่น เป้อุ้มเด็ก เบบี้มอนิเตอร์ เปล ของเล่นเด็ก ถือเป็นสินค้าหลักของอีคอมเมิร์ซทั่วโลกมายาวนาน แค่เฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่เดียว ความต้องการผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพิ่มขึ้นถึง 17% ในปี 2564
- กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง
ตลาดการดูแลสัตว์เลี้ยง เป็นอีกเทรนด์สุดร้อนแรงของโลกอีคอมเมิร์ซ เช่น
สายรัดอกสุนัข ที่นอนแมว เนื่องจากจำนวนทาสแมวที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทำให้อุปกรณ์เสริมสำหรับแมว อาทิ ที่นอนแมว ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปด้วย เป้อุ้มสัตว์เลี้ยง รายงานจาก Google Trends ระบุว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความต้องการสูงขึ้นอย่างมาก
- กลุ่มอุปกรณ์สำนักงาน
เนื่องจากการทำงานจากระยะไกลเข้ามามีบทบาทในหลายๆ องค์กร พนักงานจำนวนมากขึ้นจึงสร้างโฮมออฟฟิศ และพื้นที่สำหรับทำงานภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในหมู่คนที่ต้องกลับไปทำงานในออฟฟิศ ก็ยังมีความต้องการเนรมิตให้สิ่งแวดล้อมในการทำงานของพวกเขาปลอดภัย และสะดวกสบายขึ้น เช่น แว่นกรองแสงสีฟ้า ไมค์พอดคาสต์ ปลั๊ักอัจฉริยะ
- กลุ่มแก็ดเจ็ท และเครื่องใช้ไฟฟ้า
มักจะมียอดขายทางออนไลน์ที่ดี ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามาโดยตลอด ส่งผลให้มูลค่าทางการตลาดของอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มสูงขึ้นถึง 413 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 ผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูง เช่น เคสโทรศัพท์ พาวเวอร์แบงก์ เครื่องผลิตไฟฟ้าแบบพกพา