'ไปรษณีย์ไทย' เข็นบริษัทลูกเข้าตลาดฯ ปี 66 - ทุ่ม 500 ล้าน สร้างคลังเก็บยา!!
ทุ่มงบ 500 ล้านบาท สร้างคลังเก็บยาขนาดใหญ่กระจายทุกภูมิภาค ไปรษณีย์ไทยสบช่องตลาดอีคอมเมิรซยังโตเข็นบริษัทลูก ‘ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น’ เข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 66 หลังผลงานดีกำไรติดกัน 4 ปีแล้ว
นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยมีแผนนำบริษัทลูก คือ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณด) เข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในปลายปี 2566 เนื่องจากปณด มีกำไรติดต่อกันเป็นเวลา 4 ปีแล้ว โดยผลประกอบการล่าสุดเดือน ธ.ค. 2565 มีรายได้ 1,200 ล้านบาท กำไร 100 ล้านบาท ขณะที่ ปณท คาดว่ารายได้ปี 2565 อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ปริมาณการส่งของอยู่ที่ 4.5 ล้านชิ้นต่อวัน ขาดทุนน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุตัวเลขได้ ขณะที่มีพนักงานอยู่ที่ 38,000 คน
สำหรับแผนของปณทปี 2566 ต้องไม่เน้นการแข่งขันเรื่องราคา แต่เน้นการสร้างคุณภาพการให้บริการที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยมาตรการ Zero Complain มีทีมหลังการขายอยู่ในทุกช่องทางออนไลน์ หรือ สื่อโซเชียล เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาลูกค้าให้เร็วที่สุด เมื่อแก้ปัญหาเร็วเรื่องร้องเรียนก็จะน้อยลง นอกจากนี้ยังมีการปรับทีมขายเพิ่มขึ้น 4 เท่า จากพนักงานเดิมที่ทำงานประจำสาขาแต่งานน้อยลงให้มาอยู่ในทีมขายเพื่อทำหน้าที่ดูแลลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ซึ่งทีมนี้สามารถดึงลูกค้าเก่าที่หนีไปใช้คู่แข่งให้กลับมาได้ถึง 40%
นอกจากนี้ ต้องดึงศักยภาพของการมีข้อมูลลูกค้าและเข้าถึงพื้นที่ลูกค้าได้ดีกว่าคู่แข่งด้วยบุรุษไปรษณีย์ไทยจำนวนกว่า 10,000 คน และเน้นการพัฒนาระบบจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร บริการประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตน การใช้พื้นที่คลังไปรษณีย์ที่มีอยู่ทั่วประเทศเปิดเป็นพื้นที่ให้บริการกระจายสินค้า Fulfillment ระดับจังหวัด ระบบหลังบ้านที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งโลจิสติกส์สินค้าที่รวดเร็วและมีมาตรฐาน
“สัดส่วนรายได้องค์กรในปัจจุบันแบ่งเป็น กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ 47.62 % กลุ่มไปรษณียภัณฑ์ 31.26 % กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 15.94 % กลุ่มธุรกิจการเงิน 1.78% กลุ่มธุรกิจค้าปลีก 2.78% และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ 0.66 %”
พร้อมกันนี้ ล่าสุด ปณท ได้ร่วมกับบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ขยายพื้นที่ให้บริการรับฝากสิ่งของนอกที่ทำการไปรษณีย์ หรือ Pick Up Service ด้วยบริการอีเอ็มเอสในอัตราค่าบริการแบบเหมาจ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านที่พักอาศัยในบ้านหรือคอนโดของโครงการ สามารถกดเรียกให้บุรุษไปรษณีย์เข้ารับฝาก สิ่งของตามนัดหมาย ณ ที่อยู่ของผู้ฝากส่งภายในโครงการ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ไม่มีขั้นต่ำ ไม่มีค่าใช้จ่าย และตรวจสอบสถานะของพัสดุได้ 24 ชั่วโมงซึ่งจะใช้เริ่มใช้บริการได้ในปี 2566 ด้วย
ด้านนายพีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการ ปณด กล่าวว่า ตลาดเฮลท์แคร์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งความต้องการคลังสินค้าเก็บยาจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการใช้บริการขนส่งไปยังลูกค้าพื้นที่ต่างๆ ทำให้รายได้ของ ปณด มีกำไรอย่างต่อเนื่อง 4 ปี ขณะที่ต้นทุนของบริษัทด้านบุคลากรมีเพียง 10% เท่านั้น มีพนักงานประจำของ ปณด เพียง 90 คน เนื่องจากส่วนใหญ่เน้นการจ้างงานเอกชนและให้ค่าตอบแทนพิเศษตามจำนวนชั่วโมงการทำงานของแต่ละคน
สำหรับแผนสำคัญในปี 2566 ของ ปณด คือการลงทุน 500 ล้านบาท ในการสร้างคลังเก็บยาขนาดใหญ่กระจายทุกภาคของประเทศไทย โดยคลังสินค้าเก็บยาดังกล่าวจะเป็นศูนย์การให้บริการอัจฉริยะแบบครบวงจรโดยใช้ระบบไอทีบริหารจัดการ ตั้งแต่การเก็บยาไปจนถึงการส่งยาไปยังผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังมีแผนในการทำเครื่องจ่ายยาสามัญอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยที่นานๆจะไปหาหมอครั้งหนึ่งเพื่อรับยา เช่น ความดัน เบาหวาน โดยทำร่วมกับ Clicknic ผู้ให้บริการปรึกษาแพทย์แบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่บริการปรึกษาแพทย์ผ่านวิดีโอคอล รวมถึงบริการฝากซื้อยา และเชื่อมต่อระบบขนส่งยา จากร้านยาชั้นนำ ด้วยการให้บริการพบหมอแบบทางไกล สำหรับบัตรทองและลูกค้าทั่วไป โดยจะตั้งอยู่ในที่ทำการไปรษณีย์ประมาณ 5 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกสาขาที่เหมาะสม