การ์ทเนอร์ เผยยอดจัดส่ง ‘อุปกรณ์ไอที’ ทั่วโลกร่วง 4.4% - พีซี ทรุด 6.8%
การ์ทเนอร์ เผยยอดการจัดส่งอุปกรณ์ไอทีทั่วโลก พีซี แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ คาดจะเติบโตลดลง 4.4% ในปี 2566 คิดเป็นอุปกรณ์จำนวน 1.7 พันล้านยูนิต จากในปี 2565 ที่การจัดส่งอุปกรณ์ลดลง 11.9%
รันจิต อัตวาล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะยังคงส่งผลทำให้ความต้องการอุปกรณ์เติบโตลดลงต่อเนื่องในปี 2566 สอดคล้องกับปริมาณการใช้จ่ายในกลุ่มอุปกรณ์ไอทีของผู้ใช้ปลายทางที่ลดลง 5.1% ในปีนี้
ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเริ่มฟื้นตัวหลังจากการระบาดครั้งเลวร้ายที่สุด และตอนนี้ในหลายภูมิภาคส่วนใหญ่ลดลงอย่างมาก จากวันนี้จนถึงไตรมาสที่สี่เราไม่คาดว่าการผ่อนคลายของอัตราเงินเฟ้อและจุดต่ำสุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะปรับตัวดีขึ้น”
แนวโน้มขาลงที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอุปกรณ์จะคลี่คลายในปี 2566 จากความคาดหวังของเศรษฐกิจในแง่ร้ายที่ลดลงตลอดปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในที่สุด
ยอดพีซีคงคลังจะกลับมาเป็นปกติภายในครึ่งปีหลัง 2566
ในปี 2566 ยอดการจัดส่งพีซีจะยังลดลงต่ำสุดจากทุกกลุ่มอุปกรณ์ โดยคาดว่าจะลดลง 6.8% ในปี 2566 จากเดิมในปี 2565 ที่ลดลงถึง 16%
ผู้จำหน่ายพีซีจะลดจำนวนสินค้าคงคลังตลอดปี 2566 และนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์คาดว่า ยอดพีซีคงคลังจะกลับมาเป็นปกติในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ หลังจากที่มียอดเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่แล้ว เนื่องจากผู้จำหน่ายประเมินความต้องการของตลาดสูงเกินไป และเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ตกต่ำ รวมถึงอุปสงค์ที่ลดลงอย่างมาก ขณะที่ในปี 2565 พีซีสำหรับธุรกิจจำนวนมากสามารถอัปเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ Windows 10 (OS) แต่ยังมีอีกมากที่อัปเกรดไม่ได้
การ์ทเนอร์คาดว่ากว่า 25% ของพีซีสำหรับธุรกิจจะอัปเกรดเป็น Windows 11 ในปี 2566 แต่ Windows 11 ไม่สามารถกระตุ้นยอดจำหน่ายให้กลับมามีปริมาณเท่าในช่วงปี 2563 - 2565
นอกจากนี้ผลของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังคืบคลานเข้ามาจะส่งผลให้เกิดการลดการใช้จ่ายและการจัดสรรงบประมาณตามความเหมาะสมยิ่งขึ้น การ์ทเนอร์คาดว่า ภายในสิ้นปี 2566 กลุ่มผู้บริโภคและธุรกิจจะปรับขยายรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์พีซีและแท็บเล็ตออกไปเป็นมากกว่า 9 เดือน
รอบการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือจะยืดออกไปในปี 2566
ในปี 2566 การ์ทเนอร์คาดว่ายอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะลดลง 4% โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.23 พันล้านยูนิต ลดลงจาก 1.28 พันล้านยูนิต ในปี 2565
“ผู้บริโภคจะใช้โทรศัพท์ตัวเองนานกว่าที่คาดไว้ จาก 6 เดือนเป็น 9 เดือน และเปลี่ยนจากการใช้สัญญาแบบตายตัวไปเป็นบริการที่ยืดหยุ่นในช่วงที่ยังไม่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จำเป็นออกมา นอกจากนี้ ผู้ขายยังผลักต้นทุนส่วนประกอบที่เพิ่มสูงขึ้นไปยังผู้ใช้ ซึ่งทำให้ความต้องการลดลงไปอีก โดยปริมาณการใช้จ่ายกับโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้คาดว่าจะลดลง 3.8% ในปี 2566” อัตวาล กล่าวเพิ่มเติม