อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ "Apple Watch" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ "Apple Watch" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

เผยเคล็ดไม่ลับเทคนิคการใช้ "Apple Watch" ให้คุ้มค่าคุ้มราคา โดยเฉพาะคนที่อยากมีสุขภาพกายและหัวใจที่แข็งแรง

ถึงหลายคนจะมี Apple Watch อยู่บนข้อมือ แต่ใช่ว่าทุกคนจะใช้ Apple Watch ได้คุ้มค่าตัว ถึงฟีเจอร์ทั่วไปจะครอบคลุมการใช้งานหลักๆ แล้ว ทว่าจะดีกว่าไหมถ้านาฬิกาสุดล้ำของ Apple เรือนนี้จะช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดีขึ้น มีชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการดูแลรักษาหัวใจ

KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที เจาะลึกการใช้งานที่มากกว่าดูเวลา ด้วยแอปพลิเคชันเกี่ยวกับสุขภาพที่จำเป็นสำหรับคนหัวใจอ่อนแอ หรือคนที่อยากมีหัวใจแข็งแกร่ง เพียงไม่กี่ขั้นตอนแต่คุณจะกลับมามีสุขภาพดีอย่างเหลือเชื่อ

อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ \"Apple Watch\" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

หัวใจเต้นเท่าไร ต้องรู้

แอปพลิเคชัน Heart Rate หรือแอปอัตราการเต้นของหัวใจ เป็นฟีเจอร์ลำดับต้นๆ ที่ผู้ใช้ "Apple Watch" น่าจะคุ้นเคยอย่างดี เพราะนี่คือฟีเจอร์หลักที่หลายคนใช้ต้องเคยลองใช้ เพราะทั้งง่าย และเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังเป็นอย่างไรแบบเรียลไทม์

การใช้งานแอป Heart Rate เพียงเปิดแอป แล้วรอให้ Apple Watch วัดอัตราการเต้นของหัวใจของเรา ที่สำคัญยังดูอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก เดิน หายใจ ออกกำลังกาย และขณะฟื้นตัวตลอดทั้งวันได้อีกด้วย

อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ \"Apple Watch\" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

นอกจากนี้ยังเปิดการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย เพื่อให้รู้ว่าเรามีอัตราการเต้นของหัวใจสูงหรือต่ำกว่าอัตราการเต้นต่อนาที (BPM) ที่เลือกไว้ หรือเพื่อตรวจสอบเป็นครั้งคราวว่าจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติหรือไม่ แต่การแจ้งเตือนจังหวะการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอมีเฉพาะใน watchOS 5.1.2 หรือใหม่กว่าเท่านั้น และการแจ้งเตือนนี้จะต้องมีให้บริการในประเทศหรือภูมิภาคและต้องอยู่ในประเทศหรือภูมิภาคที่ซื้ออุปกรณ์ จึงจะเปิดใช้งานการแจ้งเตือนจังหวะการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอได้ ซึ่งไทยเราก็อยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว

แล้วสงสัยไหมว่าฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจทำงานอย่างไร?

ใน "Apple Watch" จะมีเทคโนโลยีหนึ่งเรียกว่า Photoplethysmography เป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการว่า เลือดมีสีแดงเพราะจะสะท้อนแสงสีแดง และดูดซับแสงสีเขียวเอาไว้ Apple Watch จะใช้ไฟ LED สีเขียวคู่กับโฟโต้ไดโอดที่ไวต่อแสงเพื่อตรวจวัดปริมาณของเลือดที่ไหลเวียนผ่านผิวหนัง หรือที่เรียกว่าการกำซาบผิว โดยตรวจวัดบริเวณข้อมือ ณ เวลาหนึ่งๆ เมื่อหัวใจของเราเต้น การไหลเวียนของเลือดในข้อมือและการดูดกลืนแสงสีเขียวก็จะมากขึ้นด้วย

ในระหว่างจังหวะหัวใจ อัตราดังกล่าวก็จะลดลง Apple Watch ใช้ไฟ LED ที่กะพริบนับร้อยครั้งต่อวินาทีเพื่อคำนวณจำนวนครั้งที่หัวใจเต้นในแต่ละนาที ซึ่งก็คืออัตราการเต้นของหัวใจนั่นเอง เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลรองรับช่วงอัตราการเต้น 30–210 ครั้งต่อนาที

อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ \"Apple Watch\" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

แต่เพื่อความแม่นยำ มีเทคนิคอีกนิดหน่อยในการใช้งาน Apple Watch คือ

  1. ต้องเลือกขนาดตัวเรือนและขนาดสายที่พอดี เพื่อการสวมใส่ที่ไม่แน่นเกิน ไม่หลวมเกินไป มีช่องว่างให้ผิวได้หายใจ และต้องปรับสายให้กระชับขึ้นเพื่อออกกำลังกายเพื่อให้เซ็นเซอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  2. Apple Watch จะทำงานได้แม่นยำที่สุดในการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ เช่น การวิ่ง การเดิน การขี่จักรยาน เป็นต้น และให้ผลลัพธ์ที่ด้อยกว่าเล็กน้อยในกิจกรรมที่เคลื่อนไหวไม่เป็นจังหวะหรือไม่ปกติ เช่น การชกมวย การตีแบดมินตัน การตีเทนนิส เป็นต้น
  3. รอยสักบางประเภท มีผลต่อประสิทธิภาพการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เนื่องจากลวดลายหรือความเข้มของรอยสักอาจปิดกั้นแสงจากเซ็นเซอร์ได้
  4. อุณหภูมิก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย เพราะ Apple Watch วัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านการกำซาบผิว ซึ่งความหนาวเย็นจะทำให้การกำซาบผิวน้อยลงจนอาจวัดค่าไม่ได้หรือไม่แม่นยำนั่นเอง

อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ \"Apple Watch\" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ อีกภัยร้ายที่ต้องรู้

หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ หรือ AFib เป็นจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอแบบหนึ่ง โดยหัวใจห้องบนเต้นเป็นจังหวะที่ไม่สัมพันธ์กับหัวใจห้องล่าง ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ของบุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า 65 ปี และ 9 เปอร์เซ็นต์ ของบุคคลผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปมี AFib เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็จะยิ่งพบเห็นอาการจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอได้บ่อยขึ้น ผู้ที่มี AFib บางรายอาจไม่พบอาการใดๆ แต่บางรายจะมีอาการต่างๆ เช่น หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น อ่อนเพลีย หรือหายใจลำบาก

"Apple Watch" จะดูการเต้นของหัวใจเป็นครั้งคราวเพื่อตรวจหาจังหวะการเต้นที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งอาจเป็น AFib ได้ โดยมักจะตรวจขณะที่เราอยู่นิ่งๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอ่านค่าได้แม่นยำยิ่งขึ้น จำนวนครั้งของการอ่านค่าที่เก็บรวบรวมในแต่ละวันและการเว้นระยะเวลาระหว่างการอ่านค่าแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวร่างกาย

สำหรับการใช้งานการแจ้งเตือนจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอ ทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. เปิดแอป Health ใน iPhone
  2. แตะแท็บ Browse > Heart > Irregular Rhythm Notifications แล้วเปิดใช้งาน
  3. เลือกเปิดหรือปิดการแจ้งเตือนได้ที่แอป Apple Watch บน iPhone

เมื่อเปิดการแจ้งเตือน และถ้าพบว่ามีภาวะจังหวัการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ ควรรีบเข้าไปพบแพทย์

อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ \"Apple Watch\" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

ECG ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ที่ข้อมือ

การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG) คือการทดสอบที่จะบันทึกระยะเวลาและกำลังของสัญญาณไฟฟ้าที่ทำให้หัวใจเต้น เมื่อดูที่ ค่า ECG แพทย์จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับจังหวะการเต้นของหัวใจและตรวจสอบหาความผิดปกติต่างๆ ได้

สำหรับแอป ECG นั้นบันทึกการเต้นและจังหวะการเต้นของหัวใจได้โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเต้นของหัวใจด้วยไฟฟ้า แล้วตรวจสอบค่าบันทึกเพื่อหาภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) ซึ่งเป็นการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติรูปแบบหนึ่ง

แอป ECG จะบันทึกค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจซึ่งแสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ทำให้หัวใจเต้น แอป ECG จะตรวจสอบคลื่นไฟฟ้าเหล่านี้เพื่อให้ทราบอัตราการเต้นของหัวใจและดูว่าหัวใจห้องบนและห้องล่างเต้นถูกจังหวะหรือไม่ หากหัวใจเต้นผิดจังหวะ นั่นอาจหมายถึง AFib

แล้วแอป ECG ใช้งานอย่างไร?

เป็นเรื่องง่ายมากที่จะติดตั้งและตั้งค่าแอป ECG เพียงทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. เปิดแอป Health ใน iPhone
  2. แตะแท็บ Browse > Heart > Electrocardiograms (ECG) > เข้าไปตั้งค่าแอป ECG
  3. เวลาใช้งานให้เปิดแอป ECG ใน Apple Watch
  4. วางแขนบนโต๊ะหรือบนหน้าตัก
  5. วางนิ้วมือข้างที่ไม่ได้สวมนาฬิกาค้างไว้บน Digital Crown โดยไม่ต้องกด Digital Crown ระหว่างช่วงนี้
  6. รอ การบันทึกใช้เวลา 30 วินาที เมื่อการบันทึกค่าเสร็จสิ้น เราจะได้รับการจัดประเภท มีตั้งแต่จังหวะไซนัส คือหัวใจเต้นสม่ำเสมอ, ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) ซึ่งเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติที่พบมากที่สุด, อัตราการเต้นของหัวใจต่ำหรือสูง, ไม่สามารถสรุปผลได้ แปลว่าจัดประเภทข้อมูลที่บันทึกไม่ได้ อาจเป็นผลมาจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง เช่น มีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรือสภาพทางสรีระบางประเภท เป็นต้น และประเภทสุดท้ายคือ การบันทึกไม่ดี อาจต้องลองวัดค่าใหม่อีกครั้งด้วยท่าทางและวิธีที่ถูกต้อง
  7. จากนั้นให้แตะเพิ่มอาการ แล้วเลือกอาการ
  8. แตะบันทึกเพื่อบันทึกอาการ แล้วแตะเสร็จสิ้น (Done)

อย่าล้อเล่นเรื่องหัวใจ! ใช้ \"Apple Watch\" อย่างไรให้หัวใจแข็งแรง

ติดตามการนอนหลับ เคล็ดไม่ลับหัวใจแข็งแรง

รู้กันดีว่าการนอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพส่งผลดีต่อสุขภาพ แอป Heath บน iPhone ก็ช่วยให้ตั้งเป้าหมายการนอนหลับและติดตามการนอนหลับได้อย่างละเอียด

ยกตัวอย่าง แอป Sleep บน iPhone จะติดตามและทำแผนภูมิเวลาที่ใช้บนเตียงตามการใช้งาน iPhone ในเวลากลางคืน หากต้องการรับข้อมูลการนอนหลับจาก "Apple Watch" จะต้องเปิดใช้งานการติดตามการนอนหลับอย่างน้อย 4 ชั่วโมงในแต่ละคืน

หากต้องการดูประวัติการนอนหลับ ให้เปิดแอป Health บน iPhone จากนั้นแตะการนอนหลับ หากเราบันทึกโหมดการนอนหลับไว้เป็นรายการโปรดไว้ จะเข้าถึงได้จากหน้าสรุปในแอป Health

เลือกหมวดหมู่เพื่อดูรายละเอียดการนอนหลับเพิ่มเติมได้ดังนี้

ระยะ: ดูเวลาและเปอร์เซ็นต์ที่ใช้ในระยะตื่นหรือในระยะหลับฝัน, ระยะหลับจริง หรือระยะหลับลึก

จํานวน: ดูรายละเอียดระยะเวลาการนอนหลับ เช่น เวลาบนเตียงนอนโดยเฉลี่ยและเวลานอนหลับโดยเฉลี่ย

การเปรียบเทียบ: ดูอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจที่เกี่ยวข้องกับเวลาที่นอนหลับ หากมี Apple Watch Series 8 หรือ Apple Watch Ultra ยังเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอุณหภูมิข้อมือในตอนกลางคืนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ "Apple Watch" ยังดูอัตราการหายใจขณะนอนหลับได้ด้วย โดย Apple Watch Series 3 หรือใหม่กว่าที่ใช้ watchOS 8 จะวัดและติดตามอัตราการหายใจของเราได้ เมื่อเปิดติดตามการนอนหลับด้วย Apple Watch ไว้ หากสวม Apple Watch เข้านอน นาฬิกาจะวัดและบันทึกจำนวนครั้งที่เราหายใจในหนึ่งนาที