"ล็อกซเล่ย์" จุดพลุโฮมซิเคียวริตี้ฯ ปั้นรายได้พันล.
ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี ปรับโฉมใหม่ โชว์แผนธุรกิจปี 66 ชูความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีด้านระบบรักษาความปลอดภัยระดับเมืองย่อส่วนสู่องค์กร-บ้านเรือน ขยายฐานลูกค้าและพันธมิตร ลุยตลาดบีทูบีเชื่อตลาดมีรูมขยายตัวได้อีกมาก มั่นใจรายได้แตะ 1,000 ล้านบาทใน 5 ปี
นายยุทธพร จิตตเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด เผยว่า บริษัทเป็นบริษัทลูกถือหุ้นโดย บมจ.ล็อกซเล่ย์ 80% ดำเนินธุรกิจด้านบริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยระดับเมือง มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นองค์กรภาครัฐ ถึงแม้ที่ผ่านมา บริษัทจะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี แต่รายได้เกือบทั้งหมดมาจากงานประมูลภาครัฐ (บีทูจี) ซึ่งมีความผันผวนสูงทั้งในแง่โอกาสและรายได้
ดังนั้น จึงมองหาโอกาสทางการตลาดในช่องทางอื่นเพิ่มเติม คือกลุ่มลูกค้าองค์กรเอกชน และลูกค้าครัวเรือนทั่วไป เป็นสมาร์ทโฮมโซลูชั่นด้วยการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ โดยมีเป้าหมาย เพื่อปรับสมดุลสัดสวนที่มาของรายได้จากเดิมที่มาจากบีทูจีมากกว่า 90% ให้กลายเป็นสัดส่วนรายได้จาก บีทูจีเดิม 60% และเพิ่มสัดส่วนรายได้ใหม่จากบีทูบีและบีทูซีให้ได้ 40% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า และมั่นใจว่าใน 5 ปีบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
“การปรับสมดุลสัดสวนรายได้ดังกล่าว ไม่ใช่ลดปริมาณงานจากภาครัฐลง ตรงกันข้ามเรายังคงให้ความสำคัญเหมือนเดิม เพียงแต่ขณะเดียวกันก็ขยายตลาดไปยังภาคเอกชนและบ้านที่มีความต้องการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งคาดว่าปีนี้เราจะมีส่วนแบ่งทางการตลาด 3% จากมูลค่าตลาดโฮม โซลูชัน ซิเคียวริตี้ที่มีอยู่ราว 2,000 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นทุกปี จนไปถึง 2570 ล็อกซเล่ย์จะมีแชร์ราว 12% จึงทำให้คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท”
นายยุทธพร กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทจะเริ่มทำตลาดด้วยการสร้างการรับรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย และร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และระบบเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ให้บริการ ขณะเดียวกันยังร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อตอกย้ำสร้างความน่เชื่อถือและแต้มต่อทางธุรกิจ พร้อมเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันในปีหน้า ซึ่งตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้ากลุ่มบีทูบีและบีทูซีรวมกันไม่น้อยกว่า 300 ราย ภายในสิ้นปีหน้า
สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากกลยุทธ์ อาทิ 1. เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสำหรับที่พักอาศัยเป็นบริการระบบรักษาความปลอดภัยโดยย่อส่วนจากงานด้านความมั่นคงเพื่อความปลอดภัยระดับเมืองและเขตชุมชนขนาดใหญ่ มาสู่ระบบความปลอดภัยสำหรับที่พักอาศัยแนวราบและแนวดิ่ง เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หมู่บ้าน และคอนโดมิเนียม ที่เหนือกว่าการแจ้งเตือนผู้บุกรุกหรือดูไลพ์วิดีโอผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมส่งสัญญาณฉุกเฉินแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวช้องหากเกิดเหตุ อีกทั้ง มีทีมตรวจสอบความปลอดภัยเฝ้าระวังผ่านศูนย์ควบคุมและสั่งการ (Command & Control Center:CCC) ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง
2. เทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ (Cyber Shield) โดยบริษัทได้ร่วมมือกับ คลาวด์เซค เอเซีย ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันภัยไซเบอร์ร่วมกันให้บริการโซลูชันเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางออนไลน์ (ไซเบอร์ซิเคียวริตี้) แก่กลุ่ม ผู้ประกอบการธุรกิขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) อาทิ สถานพยาบาลขนาดเล็ก (คลินิค) โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม สถานศึกษา และให้ประยุกต์กับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ พีดีพีเอ ของแต่ละองค์กร
3. เทคโนโลยีดูแลและช่วยเหลือสังคมผู้สูงอายุ เป็นบริการที่รองรับการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย ที่กำลังขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุขั้นสุดยอด ที่ร่วมวิจัยและพัฒนาร่วมกับ ชีที เอเชีย โรโบติกส์ นานกว่า 2 ปี ได้แก่ 1. “น้องปกป้อง” หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุที่สื่อสารได้แบบ 2 ทาง 2.โซลูชันเทคโนโลยีเพื่อสังคมผู้สูงวัย และ 3.สมาร์ทวอทช์ เพื่อช่วยเตือนและช่วยเหลือผู้สูงอายุกรณีฉุกเฉิน