รีวิวแกะกล่อง “MacBook Air 15 inch” แล็ปท็อปขนาด 15 นิ้วที่ดีสุดของโลก

ถ้าบอกว่า MacBook Air 15 inch เป็นการปฏิวัติโลกของ MacBook Air ครั้งใหญ่ก็คงไม่ผิดนัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ MacBook Air ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดจอใหญ่เต็มตาถึง 15.3 นิ้ว นี่จึงเป็นโอกาสที่ MacBook Air จะได้ขยายฐานผู้ใช้ซึ่งมีทั้งสาวกของ MacBook Air เอง และผู้ใช้ที่ต้องการแล็ปท็อปบางเบา ประสิทธิภาพสูงที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า 13 นิ้วที่มีอยู่เดิม

KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที พาทุกคนมายลโฉม "MacBook Air" ที่ใหญ่และดีสุดเครื่องนี้ไปพร้อมกันตั้งแต่ยังไม่แกะกล่อง ดูว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะยิ่งใหญ่สมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นแค่ไหน

มีอะไรในกล่อง

หลังจากแกะกล่อง "MacBook Air 15 inch" ก็เป็นเช่นเดิมสำหรับความเรียบง่ายสไตล์ Apple คือจะเจอตัวเครื่อง "MacBook Air" ในห่อกระดาษไข นอกจากตัวเครื่องสิ่งที่ Apple ให้มา คือสายชาร์จแบบ MagSafe to Type C ซึ่งกลับมาทำให้การชาร์จไฟมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น, อะแดปเตอร์ขนาดกะทัดรัดที่มีรูเสียบสาย Type C ถึง 2 รู และคู่มือต่างๆ

มาถึงตัวเครื่องกันบ้าง เมื่อแกะห่อกระดาษออก จะพบกับ MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว โดยสีที่กำลังรีวิวคือ Midnight เข้มดุดัน แต่เป็นรอยนิ้วมือง่ายพอสมควร อาจต้องเช็ดกันบ่อยหน่อยถ้าต้องการความเนี้ยบ

สำรวจรอบเครื่อง

ความแตกต่างของ "MacBook Air 15 inch" กับ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ใน Gen ก่อนหน้า คือดีไซน์ทั้งหมด ประการแรกเลยคือความสมมาตร ใน "MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว" จะมีขนาดเท่ากันทั้งเครื่อง ลดขอบโค้งมนลง ทำให้มีลักษณะแบนราบตลอดทั้งเครื่อง เมื่อจับถือจะยิ่งรู้สึกว่ามีความบางกว่าเดิม

นอกจากความบางเพียง 11.5 มม. และแบนกว่าเดิม น้ำหนักของ "MacBook Air 15 inch" ก็เบาเพียง 1.51 กิโลกรัม เท่านั้น ทำให้นี่เป็น "MacBook Air" ที่สมกับคำว่า Air มากที่สุดรุ่นหนึ่ง ทั้งที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น

บริเวณรอบเครื่องจะใกล้เคียงกับใน Gen ก่อนหน้า คือมีพอร์ต Thunderbolt จำนวน 2 พอร์ต สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมและจอภาพภายนอกสูงสุดถึงระดับ 6K รวมถึงช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. เพื่อการเชื่อมต่อแบบอเนกประสงค์

แต่จุดที่แตกต่างคือมีพอร์ต MagSafe สำหรับการชาร์จแบบ MagSafe ที่กลับมาช่วยให้การชาร์จไฟของ "MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว" ปลอดภัยสุดๆ โดยเฉพาะกรณีถ้าบังเอิญทำให้สายชาร์จถูกกระชาก MagSafe ก็จะหลุดทันที ไม่กระชากเครื่องให้ตกกระแทกได้รับความเสียหายนั่นเอง

Hello ความประทับใจหลังเปิดเครื่อง

หลังจากเปิดฝาพับ สาวก Apple จะคุ้นเคยดีกับการเปิดเครื่องอัตโนมัติ เมื่อคำว่า Hello ขึ้นมา แสดงว่าเรากำลังจะได้เข้าถึงประสบการณ์การใช้งานดีไวซ์ของค่ายนี้แล้ว

เมื่อ Setup และ Log in ต่างๆ จนเสร็จสมบูรณ์  "MacBook Air 15 inch" ก็พร้อมใช้งาน หน้าจอ Liquid Retina ของ "MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว" ยังไว้ใจได้เสมอเรื่องความสดใส สีสันเที่ยงตรง แม่นยำ ยิ่งเป็นขนาด 15.3 นิ้ว ทำให้รู้สึกเต็มตามากๆ โดยเฉพาะกับคนที่เคยใช้ MacBook Air รุ่น 13 นิ้วมาก่อน

ตามสเปกที่ Apple ระบุ จอ Liquid Retina ของ "MacBook Air 15 inch" มีความสว่างสูงสุดถึง 500 นิต สู้แสงสว่างจากภายนอกได้สบายๆ ทั้งยังรองรับสีสัน 1 พันล้านสี ทำให้ทุกคอนเทนต์ดูสวยสดงดงาม ตัวหนังสือคมกริบ และมีความละเอียดสูงขึ้น 2 เท่า

ส่วนขอบของจอก็บางลงด้วย ทำให้มีพื้นที่ใช้งานเต็มที่ แต่จะมีติ่งบริเวณตำแหน่งของกล้องยื่นออกมาเยอะหน่อย ส่วนนี้กินพื้นที่ใช้สอยไปพอสมควร แต่โดยรวมถือว่านี่คือ "MacBook Air" ที่ใหญ่จุใจมาก

ดีสุดในแล็ปท็อป 15 นิ้ว อย่างไร

นอกจากขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานผ่านฮาร์ดแวร์และดีไซน์ต่างๆ สิ่งที่ให้ "MacBook Air 15 inch" เครื่องนี้ทรงพลังมาก คือ ขุมพลังที่อยู่ภายใน ตั้งแต่ ชิป M2 ซึ่งเร็วขึ้นสูงสุด 12 เท่า เมื่อเทียบกับ "MacBook Air" ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเมื่อเทียบกับแล็ปท็อป PC รุ่น 15 นิ้ว ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Core i7 แล้ว "MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว" เร็วกว่าสูงสุด 2 เท่า

ด้วยจุดเด่นของ MacBook Air คือการพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ จึงเน้นเรื่องความบางเบา แม้อะแดปเตอร์กับสายชาร์จจะมีขนาดกะทัดรัดอยู่แล้ว แต่ในบางสถานที่ก็ไม่ได้มีปลั๊กไฟรองรับ เพราะฉะนั้นแบตเตอรี่จึงเป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนว่า "MacBook Air 15 inch" ได้ให้แบตเตอรี่ใหญ่จุใจ และมีการใช้พลังงานที่ประหยัดมาก จึงใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 18 ชั่วโมง หรือมากกว่าบน PC ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้จะมีจอภาพและประสิทธิภาพที่ดีกว่าก็ตาม

"MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว" มี CPU แบบ 8-core ทรงพลังที่ประกอบด้วยคอร์ด้านประสิทธิภาพ 4 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ พร้อมด้วย GPU แบบ 10-core เพื่อกราฟิกที่เร็วสุดขีด และ Neural Engine แบบ 16-core

ยิ่งกว่านั้นชิป M2 ยังมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 100GB/s และรองรับหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วขนาดสูงสุด 24GB จึงรับมือกับเวิร์กโหลดที่ซับซ้อนได้อย่างลื่นไหล เรียกได้ว่าประสิทธิภาพของชิป M2 ช่วยให้ไม่ว่าจะทำงาน ความบันเทิง หรืองานสร้างสรรค์ก็ทำได้ดีทุกเรื่อง

ส่วนระบบเสียง "MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว" ยังมาพร้อมระบบเสียง 6 ลำโพงใหม่สุดล้ำที่ประกอบด้วยทวีตเตอร์ 2 ตัว และวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่น 2 ชุด โดยลำโพงใหม่นี้ให้เสียงเบสที่ทุ้มลึกกว่าเดิม 2 เท่าเพื่อเสียงที่แน่นยิ่งขึ้น และยังมี Spatial Audio ที่รองรับ Dolby Atmos มอบประสบการณ์เสียงสมจริงเต็มอิ่มไม่ว่าจะดูหนังหรือฟังเพลง

ราคาและความคุ้มค่า

"MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว" พร้อมชิป M2 มีให้เลือกในสีมิดไนท์, สีสตาร์ไลท์, สีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์ ในราคาเริ่มต้นที่ 47,900 บาท และราคาส่งเสริมการศึกษาเริ่มต้นที่ 44,200 บาท หากมองถึงความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air ขนาด 13 นิ้ว ใน Gen ก่อนๆ ซึ่งราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท (ปัจจุบันลดราคารุ่นชิป M1 เหลือเริ่มต้น 34,900 บาท) ด้วยความที่ "MacBook Air 15 inch" มีหน้าจอใหญ่กว่า มีดีไซน์ที่ลงตัวมากขึ้น มีประสิทธิภาพสูงกว่าด้วยชิป M2 ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาหลักพัน ถือว่าซื้อความจุใจสบายตาและการใช้งานดีขึ้นพอสมควร