รอดตายเพราะ Apple Watch! หญิงอเมริกันโกงความตายเพราะ "Apple Watch" เตือน

หนึ่งในคุณสมบัติหลักของ Apple Watch คือการตรวจวัดค่าต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ หลายคนใช้เพื่อวัดประสิทธิภาพการออกกำลังกาย หรือแค่ใช้ดูเวลา แต่ล่าสุด มีหญิงสาวชาวซินซินนาติวัย 29 ปี ชื่อว่า คิมมี่ วัตคินส์ เพิ่งจะโกงความตายจากโรคร้ายแรง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในคืนหนึ่งที่วัตคินส์รู้สึกไม่ค่อยสบาย ด้วยอาการหน้ามืด วิงเวียน และเป็นลม ด้วยความที่ยังไม่ทราบสาเหตุเธอเพียงคาดเดาว่าอาจเกิดจากความหิวหรือร่างกายขาดสารอาหารเนื่องจากเธอค่อนข้างกินอาหารน้อย จนกระทั่งเธอเข้านอน

ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่เธอหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะ "Apple Watch" ที่เธอสวมอยู่ตลอดได้แจ้งเตือน

Apple Watch แจ้งเตือนเธอว่ามีอัตราการเต้นของหัวใจสูงเกินไปเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 10 นาที โดยมีอัตราการเต้นของหัวใจพุ่งสูงสุดที่ 178 ครั้งต่อนาทีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขขนาดนี้เทียบเท่ากับช่วงที่นักกีฬาใช้ประสิทธิภาพร่างกายสูงสุด แตกต่างตรงที่เธอเพียงแค่นอนหลับเท่านั้น

วัตคินส์จึงรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ซึ่งเป็นอาการที่ร้ายแรงมาก

ดร.ริชาร์ด เบกเกอร์ แพทย์โรคหัวใจ วิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยซินซินนาติ กล่าวว่าอัตราการรอดชีวิตของผู้ที่มีภาวะนี้อยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดร. เบกเกอร์ บอกอีกด้วยว่า "ภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นที่ปอดเป็นโรคที่รุนแรงที่สุดและเป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากลิ่มเลือดจะเกาะหลอดเลือดทั้งปอดขวาและปอดซ้าย"

มีรายงานในการศึกษาระดับชาติของ The Doctor ว่า สมาร์ทวอทช์ ตรวจจับภาวะ Afib หรือ ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (atrial fibrillation หรือ AF หรือ A-Fib) คือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่งมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติและอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง ลิ่มเลือด และหัวใจล้มเหลว

เมื่อพูดถึง Afib คนส่วนมากไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการนี้ จึงมักจะถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา สำหรับผู้ใช้ "Apple Watch" จะตรวจสอบว่าตนมีภาวะ Afib หรือไม่ผ่านคุณสมบัติการแจ้งเตือนจังหวะผิดปกติ (IRNF) และแอป ECG ที่มีอยู่ใน Apple Watch

หลังจากการโกงความตายครั้งนั้น วัตคินส์สวม "Apple Watch" ด้วยความภาคภูมิใจและหวังว่าประสบการณ์ของเธอจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ ใส่ใจสุขภาพรวมถึงการใช้ Gadget ตัวช่วยอย่าง Apple Watch หรือสมาร์ทวอทช์ด้วย

เพราะนอกจากภาวะดังกล่าว เธอยังค้นพบว่ามีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือดที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนและกำลังใช้ยาเจือจางเลือด ไปพร้อมๆ กับความพยายามที่เรียกความแข็งแรงกลับคืนมา

(ที่มา https://www.phonearena.com)