‘ธุรกิจไทย’ บนความท้าทาย การขับเคลื่อน ‘ความยั่งยืน’
แนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนและการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรต่างๆ ในไทยยังคงมีเส้นทางที่แยกกันอย่างชัดเจน...
รายงานล่าสุดโดย “Paessler” ผู้เชี่ยวชาญด้านการมอนิเตอร์โครงสร้างและเครือข่ายระบบไอที ในหัวข้อ “ทิศทางที่ต้องจับตา: การมอนิเตอร์ระบบ คือ เส้นทางสู่ระบบ IT ที่ยั่งยืน” เผยว่า
ปัญหาการขาดความรู้เชิงเทคนิคในการดำเนินแผนงาน (58%) การขาดความชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐในเรื่องมาตรฐานการรายงานผล (45%) ต้นทุนการดำเนินแผนงาน (48%)
ปัญหาการบริหารตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโต (40%) ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเดินหน้าตามแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนในไทย
เดินไปคนละทิศ คนละทาง
เฟลิกซ์ เบิร์นดท์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Paessler ให้ข้อมูลว่า ธุรกิจในไทย มองเรื่องความยั่งยืน และการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเป็นคนละส่วนโดยไม่เกี่ยวข้องกัน ทำให้องค์กรต่างๆ จัดทำกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนและกลยุทธ์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแยกจากกัน
ท้ายที่สุดก็ทำให้การใช้ทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ เวลา และทักษะ ไม่บรรลุผลเท่าที่ควร อีกทั้งยังขาดความสามารถ และความชำนาญในการจัดทำกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนและดำเนินการตามแผนดังกล่าว
จนเห็นได้ชัดว่าแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนและการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรต่างๆ ในไทย ไม่ได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ดี องค์กรในไทยต่างตระหนักถึง ประโยชน์ของการมอนิเตอร์โครงสร้างระบบไอที ไม่ว่าจะในฐานะฟันเฟืองหลักในกลยุทธ์ไอทีขององค์กรที่ช่วยมอนิเตอร์ปัจจัยในสภาพแวดล้อม
เช่น ความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์ ฯลฯ (100%) ปรับปรุงและลดการใช้พลังงาน (95%) แจกแจงตัวเลขการประหยัดทรัพยากร (92%) วิเคราะห์ความจำเป็นที่แท้จริงของอุปกรณ์ IT (86%) และลดการปล่อยมลพิษ (78%)
เตรียมรับมือ ‘เศรษฐกิจชะลอ’
เฟลิกซ์กล่าวว่า กลยุทธ์ไอทีที่ยั่งยืน ภายใต้กรอบการมอนิเตอร์ระบบที่ครอบคลุมจึงถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะกลยุทธ์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน จะช่วยผสานองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนเข้าด้วยกัน เช่น การจัดหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และองค์ประกอบด้านอื่นๆ
ปี 2566 นี้ได้เห็นว่า ธุรกิจจำนวนมากหันมาให้ความสำคัญกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ความยั่งยืน การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจจำนวนมากมองว่าความยั่งยืนและผลกำไรไปด้วยกันไม่ได้ แต่ถ้าวัดผลด้วยค่าที่ถูกต้อง ก็จะทราบว่าการประหยัดค่าใช้จ่ายและความได้เปรียบทางการแข่งขันล้วนเกิดขึ้นได้จริง
“สิ่งสำคัญก็คือ การจัดทำกลยุทธ์ไอที ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ชัดเจน ตลอดจนการจัดทำกรอบการทำงานด้านความยั่งยืน ที่ทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงอยู่ ภายใต้เฟรมเวิร์กการมอนิเตอร์ระบบไอทีที่ครอบคลุม”
ดังนั้น การลดช่องว่าง ระหว่างแผนงาน ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันกับความยั่งยืน เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่อิงตามข้อมูล จะนำไปสู่การใช้ทรัพยากร อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และให้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจแก่ธุรกิจ"
องค์กรภาครัฐ ขยับตัวช้าที่สุด
แม้ว่า ความยั่งยืนจะจัดอยู่ในความสำคัญ 1 ใน 3 ลำดับแรกของธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่กลับไม่ติดอันดับ 1 ใน 5 ปัจจัยที่ท้าทายของธุรกิจในทุกตลาดและภาคส่วน ซึ่งประกอบไปด้วยการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น, การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน, การเติบโต (เพิ่มรายได้), การเพิ่มผลกำไร (กำไรสุทธิ), และการบริหารผู้มีความสามารถโดดเด่น
อย่างไรก็ดี ปัจจัยขับเคลื่อน 3 อันดับแรกในการดำเนินแผนตามกรอบการทำงานด้านความยั่งยืน ได้แก่ ชื่อเสียง (45%) มาตรฐานการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรม (36%) และการปฏิบัติตามกรอบและกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล
จากข้อมูลพบว่า ธุรกิจด้านเทคโนโลยี โทรคมนาคม และศูนย์ข้อมูล (82%) ถือเป็นกลุ่มที่มีความพร้อม ด้านกลยุทธ์ไอทีที่ยั่งยืน ตามมาด้วยธุรกิจในภาคการผลิต (79%) และบริการที่สำคัญต่อสาธารณะ ภาครัฐ (66%) ขณะที่ภาครัฐค่อนข้างล่าช้าในเรื่องดังกล่าว มีเพียง 31% เท่านั้นที่ระบุว่า จะเริ่มดำเนินกลยุทธ์ไอทีที่ยั่งยืนในปีหน้า
กล่าวได้ว่า การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทำให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืน เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน
ขณะที่ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมจะช่วยในการมอนิเตอร์และปรับปรุงการใช้พลังงาน ลดของเสีย และทำให้ห่วงโซ่อุปทานเกิดความคล่องตัว และเมื่อนำเทคโนโลยีการมอนิเตอร์ระบบไอทีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้งานในส่วนต่างๆ ก็จะช่วยเพิ่มพูนข้อมูลและยกระดับกลยุทธ์ไอทีที่ยั่งยืนให้ดียิ่งขึ้น