กสทช.รอถก“ดีอีเอส”สางงานค้างรับโจทย์ใหญ่ปมดาวเทียม-เน็ตประชารัฐ

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้าหารือเรื่องสำคัญ 3 เรื่องในการส่งผ่านนโยบายการทำงานร่วมกันไปยังรัฐบาลชุดใหม่ และรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอสคนใหม่ คือ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง คือ การปลดระวางไทยคม 4 หรือ ไอพี สตาร์ การโอนโครงการเน็ตประชารัฐ ของกสทช.มาให้กระทรวงดีอีเอสดูแล และเรื่องที่ของบประมาณกับกสทช.ค้างไว้ 2 โครงการ คือ

1. โครงการฟรีไวไฟสำหรับชุมชนแออัด

2. โครงการแจกแท็บเล็ต 1 ล้านเครื่องให้กับนักเรียน

 

• ประเด็นแรก การปลดระหว่างดาวเทียมไทยคม 4 วงโคจร 119.5 E ที่กระทรวงดีอีเอส มอบหมายให้เอ็นทีบริหารจัดการหลังรับทรัพย์สินจากการหมดสัญญาสัมปทานกับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้หารือกันว่าจะสามารถปลดระวางดาวเทียมที่หมดอายุวิศวกรรมในปี 2566 ได้เลยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเอ็นทีไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการหรือหาลูกค้าต่างประเทศใหม่ๆได้ ทำให้รายได้ไม่เพียงพอรายจ่าย และหากคิดรายจ่ายที่ต้องจ้างไทยคมควบคุมดาวเทียมให้ พบว่าเป็นตัวเลขติดลบ จึงมาหรือกับกสทช.เพื่ออัพเดทข้อมูลและส่งต่อไปยังรัฐมนตรีคนใหม่

• ประเด็นที่สอง โครงการเน็ตประชารัฐของกระทรวงดีอีเอสและของกสทช.ที่แบ่งโครงการกันทำเมื่อกว่า 5 ปีก่อน ขณะนี้โครงการของกสทช.ครบสัญญาแล้ว กสทช.จึงมีแนวคิดในการโอนให้กระทรวงดีอีเอสดูแล ซึ่งกระทรวงมีโครงการเน็ตประชารัฐ 24,700 หมู่บ้าน ขณะที่กสทช.มี 2 โครงการคือ โครงการเน็ตประชารัฐในพื้นที่ชายขอบ 3,920 หมู่บ้าน และ โครงการเน็ตประชารัฐในพื้นที่ชนบท 15,723 หมู่บ้าน ทำให้กระทรวงดีอีเอสต้องดูแลโครงการทั้งสิ้น 44,343 หมู่บ้าน

ดังนั้น จึงต้องรอเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และหากจะให้กระทรวงดีอีเอส ดูแล กสทช.ต้องให้งบประมาณยูโซ่ สำหรับการบริหารจัดการด้วย ซึ่งในอนาคตกระทรวงดีอีเอสมีแนวคิดในการปรับลดจำนวนโครงการให้น้อยลง โดยพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมว่าพื้นที่ที่เคยห่างไกล การบริการเข้าไม่ถึงอาจจะไม่สนับสนุนโครงการต่อ หรือ อาจจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นดูแลต่อไป

• ประเด็นที่สาม เรื่องที่กระทรวงดีอีเอสของบประมาณ กสทช.ค้างไว้ 2 โครงการคือ โครงการฟรีไวไฟสำหรับชุมชนแออัด และโครงการแจกแท็บเล็ตนักเรียน 1 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นนโยบายเดิมของนายชัยวุฒิ โดยต้องการให้ประชาชนกลุ่มแออัดได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างเท่าเทียม ขณะที่โครงการแจกแท็บเล็ตนั้น เป็นแนวคิดที่กระทรวงศึกษาธิการเห็นปัญหาการเรียนการสอนของนักเรียนในช่วงโควิดที่ไม่มีเครื่องมือในการเข้าถึงการเรียนการสอน