จีนทำชิป7nmได้แล้วจริงหรือ : วิเคราะห์ Huawei Mate 60

จีนทำชิป7nmได้แล้วจริงหรือ : วิเคราะห์ Huawei Mate 60

“ข่าวใหญ่ที่ทุกคนตกตะลึง จีนทำชิปขนาดเล็ก 7nm ได้แล้ว ?” เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พ.ศ. 2566 มีข่าวใหญ่ในวงการเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง

บริษัท TechInsights ในแคนาดาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบรายละเอียดของชิ้นส่วนต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือ ได้แกะโทรศัพท์รุ่นใหม่สุด Huawei Mate 60 ซึ่งผลิตโดยบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีสื่อสารของจีนคือ HUAWEI และพบว่ามีเทคโนโลยีล้ำหน้าโดยใช้ชิป Kirin 9000s semiconductor ขนาดเล็ก 7nm (นาโนเมตร) ผลิตโดยบริษัทของจีน Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) 

และมีข่าวออกมาในโซเชียลมีเดียว่า “ชิ้นส่วนทุกอย่างของโทรศัพท์รุ่นนี้ ผลิตในจีนร้อยเปอร์เซ็นต์” ซึ่งหากเรื่องนี้เป็นความจริงแล้ว แสดงว่าเทคโนโลยีของจีนก้าวหน้ามากกว่าที่ทั่วโลกประเมินไว้ และเรื่องนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญทำให้จีนพร้อมแข่งขันกับสหรัฐและทุกประเทศ

“การคว่ำบาตรของสหรัฐล้มเหลว ?” 

หลายคนตั้งคำถามทันทีว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐที่ห้ามมิให้บริษัทในสหรัฐและประเทศพันธมิตรขายสินค้าที่ถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงให้บริษัทในจีน โดยเฉพาะบริษัทที่ถือว่าเป็นคู่แข่งระดับสูงเช่น Huawei ซึ่งแต่เดิมประมาณปีค.ศ. 2019 มียอดขายอยู่ประมาณ 18% ของโลก แต่เมื่อสหรัฐคว่ำบาตรก็ลดลงมาเหลือแค่ประมาณ 2%ในปัจจุบัน

เพราะฉะนั้นหากจีนทำโทรศัพท์รุ่น Huawei Mate 60 นี้ได้ในจีน 100% จริง ก็หมายถึงสินค้าจากบริษัทนี้และอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งอุตสาหกรรมสำคัญอื่นๆ จะสามารถพัฒนาเทียบเคียงกับทางตะวันตก หรือแม้กระทั่งทำได้ดีกว่า และเอาชนะในการตลาดได้ในที่สุด

 

กองเชียร์ของกลุ่มรักชาติในโซเชียลมีเดียของจีนฉลองเรื่องนี้ แทบทุกสื่อทั่วโลกประโคมข่าว ทางการสหรัฐทำการสืบสวนโดยรีบด่วน เพราะหากเรื่องนี้เป็นจริง หมายถึงอันตรายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐ

“ราคาเท่าไหร่ จะขายกี่เครื่อง?”

 บริษัท Huawei มีประเพณีในการเปิดตลาดแต่ละรุ่นแบบเงียบ มีข่าวว่าขายในท้องตลาดในราคาประมาณเครื่องละ 35,000 บาท ที่ยุโรปสามารถจะซื้อได้ในราคาประมาณ 750 ยูโร และตั้งใจจะผลิตประมาณ 15 ล้านเครื่อง (เปรียบเทียบกับโทรศัพท์รุ่นล่าสุดของแอ๊ปเปิ้ล iPhone15 ซึ่งประเมินว่าประมาณ 84 ล้านเครื่องต่อปี และIPhone ทุกรุ่นรวมกัน 217 ล้านเครื่องต่อปี) บางข่าวบอกว่ามีชาวจีนไปปูเสื่อรอซื้อหน้าร้าน บางข่าวบอกว่าไม่มีขายในท้องตลาด แต่ในสหรัฐล่าสุดสามารถหาซื้อได้ออนไลน์ราคาประมาณเฉลี่ย 1,500 เหรียญ (สหรัฐไม่ห้ามการใช้โทรศัพท์ยี่ห้อนี้)

“ความดีใจกลายเป็นความผิดหวัง”

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.บริษัท TechInsights ได้ออกมาประกาศว่า หลังจากได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อย่างถี่ถ้วน พบว่ามีชิปหน่วยความจำสองชิ้นที่ผลิตโดยบริษัท SK Hynix ของเกาหลี ซึ่งหมายความว่าชิปเจ็ดนาโนเมตร ที่เชื่อกันว่าบริษัทของจีน SMIC ผลิตได้เองครบถ้วน 100% ในจีนนั้นกลายเป็นข้อมูลที่ไม่แท้จริง เพราะหากชิ้นส่วนสำคัญจากเกาหลีชะงักลง ก็ไม่สามารถจะทำชิปขนาดนี้สำหรับโทรศัพท์มือถือในจีนได้อีกต่อไป

และแน่นอนว่ารัฐบาลอเมริกันใช้การเจรจาเชิงบังคับกับเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว เข้าใจว่าชิ้นส่วนนี้จะไม่สามารถส่งเข้าจีนได้อีกต่อไป ส่วนความสามารถของ SMIC ที่จะคิดค้นเทคโนโลยีทำชิปขนาดนี้ได้ด้วยตนเองภายในจีน โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาต่างประเทศนั้นจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ ผู้เชี่ยวชาญบางคนประเมินว่าคงไม่เร็วกว่าสามปี แต่ไม่น่าจะเกินห้าปี

“อย่าลืมสุภาษิตจีน เผิงชา 捧杀”

 Wang Xinxi คอลัมนิสต์ด้านเทคโนโลยีจากมณฑลกวางตุ้ง ออกมาเตือนว่าเรื่องนี้ควรจะเป็นตัวอย่างให้ชาวจีนที่เชียร์ความเป็นจีนมาก หันมาจำคำสอนของบุคคลรุ่นก่อน“การชมเชยมากเกินไป นำมาสู่ความตาย”

คำว่า peng sha ซึ่งแปลว่า “สรรเสริญ” และ “ฆ่า” ปรากฏในหนังสือจีนโบราณย้อนกลับไปถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก มาจากเรื่องราวที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งโชว์ม้าที่แข็งแกร่งของเขา แต่ในที่สุดม้าตัวนั้นก็เสียชีวิตด้วยความเหนื่อยล้า ในขณะที่ผู้คนบนท้องถนนต่างปรบมือและกระตุ้นให้มันวิ่ง

และเรื่องนี้อดีตผู้นำจีนท่านเติ้งเสี่ยวผิงเคยเตือนไว้ว่า “หากเราเข้มแข็งจริงก็ไม่ควรแสดงให้ผู้อื่นเห็น แต่เก็บเป็นความสำรวมและทำตัวอ่อนแอไว้ เก็บความเข้มแข็งนั้นมาใช้เมื่อโอกาสเหมาะสมที่สุด”

“จีนห้ามไม่ให้ใช้ iPhone บริษัทแอ๊ปเปิ้ลหุ้นร่วงทันที 200,000 ล้านดอลลาร์” 

 สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวจากหลายสำนักรายงานว่ารัฐบาลจีนออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนงดการใช้ iPhoneในที่ทำงาน และมีการกลัวว่าจะห้ามไปถึงรัฐวิสาหกิจต่างๆ จึงทำให้หุ้นของ Apple ร่วงลงทันทีประมาณเกือบ 7% ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566 เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนออกมาประกาศว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

คอยจับตาดูว่าหุ้นของ Apple จะขึ้นมาหรือไม่ และเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นความตั้งใจของกลุ่มใดที่มีเบื้องหลังในการกระทบกระทั่งหรือจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐหรือไม่

รัฐบาลจีนจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเปราะบางอย่างไร จีนกำลังเจอปัญหารุมเร้าหลายอย่าง หนี้สินรัฐบาลท้องถิ่น อสังหาริมทรัพย์ราคาตกและสร้างไม่เสร็จ เยาวชนตกงานกว่า 21% โรงงานปิดไปหลายแห่งและยอดขายสินค้าส่งออกร่วงลงอย่างน่ากลัว และอาจจะกลายเป็นปัญหาเงินฝืด เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ผู้นำจีนปัจจุบันกำลังหาทางแก้ไข

มาตรการล่าสุดคือ ธนาคารชาติของจีน (PBOC) เพิ่งประกาศวันนี้ 14 ก.ย. 2566 อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้มากขึ้น ควรจะเป็นข่าวดี แก้ไขเศรษฐกิจที่เปราะบาง และเพิ่มความมั่นใจของผู้บริโภคและขณะเดียวกันรัฐบาลผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เนื่องจากแทบทุกบริษัทไม่สามารถจะระดมเงินจากตลาด ตราสารหนี้ในต่างประเทศได้อีกต่อไป หลังจากที่มีการผิดนัดชำระหนี้ช่วงนี้อย่างที่เป็นข่าว

จีนเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและประวัติศาสตร์กับไทยอย่างแนบแน่น ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นคงไม่เกินความสามารถของผู้นำจีนที่จะประคองให้ผ่านวิกฤติไปได้ รัฐบาลไทยกำลังเปิดประเทศด้วยนโยบายยกเว้นวีซ่าเป็นเวลาห้าเดือนให้ชาวจีนเข้ามาให้สะดวกขึ้น หวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในระยะสั้น และนำมาสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวครับ