"iPhone 15" ก็ทำได้! เทคนิคใช้ "iPhone" ให้ "Battery Health" ยังเกือบเต็ม 100%
บอกหมดไม่มีกั๊กกับเทคนิคดีๆ ที่ช่วย "ถนอมแบต iPhone" ให้อายุยืน จากการใช้งานจริง "iPhone 14 Pro" ตลอดเวลา 1 ปีเต็ม แต่ "Battery Health" ยังเกือบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์แม้จะเพิ่งตกรุ่นไปหมาดๆ เทคนิคเหล่านี้เอาไปใช้กับ "iPhone 15" ได้เลย
ทันทีที่ iPhone 15 วางจำหน่าย iPhone 14 ก็ตกรุ่นทันที มาลองตรวจสุขภาพแบตเตอรี่ประจำปีกันว่า iPhone 14 Pro อายุหนึ่งปีมีสุขภาพแบตเป็นอย่างไร สำหรับการเข้าไปดูสุขภาพแบตเตอรี่ หรือ Battery Health ให้เข้าไปที่ Settings > Battery > Battery Health & Charging แล้วดูที่ Maximum Capacity ว่าอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์
โดยปกติจากเสียงของผู้ใช้ทั่วไปจะบอกว่าสุขภาพแบตของiPhone ตัวเองจะอยู่ราวๆ 80-85 เปอร์เซ็นต์ อีกบางส่วนก็ถนอมแบตได้ดีจนมีตัวเลขแตะ 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แน่นอนว่าตัวเลขยิ่งมากย่อมหมายความแบตเตอรี่เสื่อมน้อย และต่อจากนี้คือเทคนิคที่ KT Review กรุงเทพธุรกิจใช้กับ iPhone 14 Pro รวมทั้งสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ จนได้ตัวเลข Battery Health ที่ 99 เปอร์เซ็นต์ (ก่อนจะทำคอนเทนต์นี้เพียงหนึ่งวันยังเป็น 100 เปอร์เซ็นต์)
ใช้สายชาร์จ และอะแดปเตอร์ของแท้เสมอ
อุปกรณ์ชาร์จไฟที่ดีที่สุดของ iPhone ก็คือของแท้แบรนด์ Apple เหตุผลคือ ของแท้ตรงรุ่นจะทำมาให้ตรงกับกำลังไฟที่เหมาะสมกับอุปกรณ์นั้นๆ รวมถึงมีฟังก์ชันต่างๆ ที่มีเฉพาะในของแท้ และของที่มีคุณภาพมาตรฐาน เช่น ระบบตัดไฟเมื่อแบตเต็ม เป็นต้น
กรณีที่หาไม่ได้หรือไม่มีงบซื้อของแท้ตรงรุ่น ควรเลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟที่มีมาตรฐานรับรอง เพราะนั่นหมายถึงทั้งความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และมีทำลายสุขภาพแบตเตอรี่น้อยที่สุด
ชาร์จแบตให้เต็มก่อนใช้งาน
การชาร์จแบตให้เต็มของ iPhone หมายถึงการชาร์จให้เต็มจริงๆ ไม่ชาร์จนิดหน่อยแล้วนำไปใช้ หรือเพิ่งใช้ปุ๊บแล้วรีบชาร์จปั๊บ เพราะจะทำให้การกักเก็บประจุในแบตเตอรี่ไม่สมบูรณ์
แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องรีบใช้ เรามีตัวเลขเปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่ที่แนะนำว่าถ้าเกินกว่านี้อย่าหยิบเอาไปใช้ คือ 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะนั่นคือ ช่วงที่แบตเตอรี่กำลังค่อยๆ ชาร์จ เป็น Golden Time ที่ควรจะให้แบตเตอรี่ได้ชาร์จไปจนเต็ม แต่ถ้าชาร์จยังไม่ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ก็พออะลุ้มอล่วยได้
เรื่องการชาร์จเต็มหรือไม่เต็ม มีบางกลุ่มเชื่อว่าควรชาร์จแบตไม่เต็มเพื่อให้แบตเตอรี่ไม่นับรอบการชาร์จ ซึ่งจากการใช้งานที่ผ่านมา และใน iPhone 14 Pro ตลอดหนึ่งปี ตัวเลขสุขภาพแบตจากการชาร์จเต็มก่อนใช้คือคำตอบ
เสียบอะแดปเตอร์ก่อนเสียบที่ตัวเครื่อง
การเสียบหัวชาร์จหรืออะแดปเตอร์เข้ากับปลั๊กก่อน แล้วค่อยนำสายชาร์จมาเสียบที่ iPhone จะช่วยป้องกันไฟกระชากซึ่งอาจจะทำให้ iPhone ของเราความเสียหายได้
ชาร์จครั้งแรกแค่แบตเต็ม
ความเชื่อเก่าๆ ที่ว่า การชาร์จแบตครั้งแรกต้องชาร์จ 8 ชั่วโมงบ้าง 12 ชั่วโมงบ้าง ณ ปัจจุบันที่แบตเตอรี่เป็นแบบ Li-ion และ Li-Polymer กันหมดแล้ว มีการชาร์จแบบนับจำนวนรอบ (Cycle) จึงไม่จำเป็นต้องนับครั้งแบบแบตเตอรี่ Ni-Cad ที่นับเป็นจำนวนครั้ง
ที่สำคัญ แบตเตอรี่ปัจจุบันไม่มีทางที่จะชาร์จได้เกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการชาร์จเป็นระยะเวลานานไม่มีผลเสีย เพราะสุดท้ายเมื่อแบตเต็มระบบก็จะตัดไฟที่เข้ามาอยู่ดี
ไม่รอให้แบตหมดหรือต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
เมื่อแบตเตอรี่หมด การชาร์จไฟใหม่จะเร่งให้แบตเตอรี่เติมประจุไฟฟ้าเข้าไป ช่วงเวลาดังกล่าวจะทำให้แบตมีความร้อนมาก ซึ่งความร้อนมากๆ จะบั่นทอนสุขภาพแบตเตอรี่โดยตรง หากเป็นบ่อยๆ ก็มีโอกาสที่แบตเตอรี่จะเสื่อมไวขึ้น
สำหรับเปอร์เซ็นต์ที่ควรจะต้องชาร์จแล้วคือ แบตเหลือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขที่ไม่ควรให้ต่ำกว่านี้ที่จะเติมพลังให้แบตกลับมาเต็มอีกครั้ง ในสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ไอทีอื่นๆ ก็มีฟังก์ชันแจ้งเตือนให้ชาร์จเมื่อแบตเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ และจะแจ้งเตือนให้เห็นถึงภาวะวิกฤติเมื่อแบตเหลือราว 10 เปอร์เซ็นต์ด้วย
ทว่ามีบางตำราระบุว่าเปอร์เซ็นต์ที่ควรชาร์จไฟได้แล้วจะอยู่ที่ 40-50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าใครสะดวกที่จะชาร์จตามนี้ก็ทำได้ ดีต่อแบตเตอรี่ แต่จะสะดวกผู้ใช้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ
อย่าชาร์จไป ใช้ไป
การชาร์จไฟไปแล้วใช้ไป ทำให้แบตเตอรี่ iPhone เสื่อมได้ เนื่องจากมีการอัดไฟเพิ่มขึ้นตลอดเวลาจนเกิดความร้อนมาก ทั้งประจุไฟฟ้าที่ไหลเข้าอย่างรวดเร็ว และความร้อน คือสาเหตุสำคัญของแบตเสื่อม และมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุรุนแรงอย่างแบตระเบิดได้เลย
วิธีที่ดีที่สุดคือ ชาร์จให้เต็มแล้วถอดปลั๊ก นำไปใช้ตามปกติ พอแบตลดจนถึง 20 เปอร์เซ็นต์ค่อยนำไปชาร์จใหม่
ชาร์จข้ามคืนได้ไม่ต้องกังวล
หลังจากมีข่าวที่ทำให้ตื่นตระหนกถึงการชาร์จแบตทิ้งไว้แล้วมีโอกาสแบตระเบิด ในความเป็นจริงต้องอาศัยหลายปัจจัยมากๆ เช่น การวางไว้บนพื้นผิวที่กักเก็บความร้อน การชาร์จทิ้งไว้เป็นเวลานานจนเกินไป หรือความเสื่อมของอุปกรณ์ เป็นต้น
ทว่าจากประสบการณ์ตรง ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการชาร์จแบตที่สุดคือ ช่วงเข้านอน เพราะเราจะได้หยุดใช้อุปกรณ์นั้นแล้วปล่อยให้แบตเตอรี่ได้ชาร์จแบบรวดเดียวเต็ม ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องวิตกว่าชาร์จทิ้งไว้นานหลายชั่วโมงจะเป็นอะไรหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ไอทียุคใหม่รวมถึง iPhone มีฟังก์ชันตัดไฟ และช่วยถนอมแบตเตอรี่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นชาร์จไฟข้ามคืนนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้
ตั้งค่าการชาร์จถนอมแบตเตอรี่ใน iPhone
ในสมาร์ทโฟนค่ายอื่นอาจจะมีหรือไม่มี แต่สำหรับ iPhone มีฟีเจอร์การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่มาตั้งแต่ iOS 13 เป็นต้นมา โดยไปที่ Settings > Battery > Battery Health & Charging > เปิด Optimized Battery Charging
ฟีเจอร์นี้ทำงานโดยให้ iPhone ชาร์จช่วง 0-80 เปอร์เซ็นต์ แบบ Fast Charging หลังจากนั้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือระบบจะคำนวณจากพฤติกรรมการชาร์จแบตว่าเราใช้เวลาชาร์จนานแค่ไหนจนกว่าจะถอดสายชาร์จออก เพื่อยืดหรือร่นระยะเวลาการชาร์จส่วนที่เหลือให้เหมาะสม เพียงเท่านี้ก็จะช่วยดูแลสุขภาพแบตของ iPhone ได้ในขณะชาร์จแล้ว
iPhone 15 ดูรอบการชาร์จได้
เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน "iPhone 15" สำหรับคนที่ต้องการทราบว่า iPhone ของตัวเองผ่านการชาร์จแบตเตอรี่กี่รอบการชาร์จแล้ว ซึ่งรอบการชาร์จจะนับตามรอบของแบตเตอรี่ ไม่ได้หมายความว่าชาร์จหนึ่งครั้งแล้วตัวเลขจะนับทุกครั้ง ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเฉพาะเมื่อครบรอบการชาร์จแบตเตอรี่ ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากๆ เพราะจะประเมินได้ถึงความเสื่อมของแบตเตอรี่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ หรือแม้แต่การขายต่อ ตัวเลขรอบการชาร์จก็จะบ่งบอกถึงการใช้งานว่าหนักหน่วงหรือพฤติกรรมของผู้ใช้เป็นอย่างไร
สำหรับการดูรอบการชาร์จให้เข้าไปที่ Settings > General > About > ดูที่ Cycle Count
เทคนิคเหล่านี้มาจากประสบการณ์ใช้งานจริง และไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้กับ iPhone 14 Pro หรือนำไปประยุกต์ใช้กับ "iPhone 15" ได้เท่านั้น เพราะนี่คือเทคนิคการถนอมแบตเตอรี่ที่เราใช้กับทุกอุปกรณ์ และอุปกรณ์ไอทีทุกชิ้นก็มีสุขภาพแบตเตอรี่ที่ดีมากๆ เช่นกัน ใครเพิ่งรับเครื่อง iPhone 15 ไป ลองทำตามทุกข้อ รับรองว่าปีหน้าแบตเตอรี่ของคุณก็จะยังดีเหมือนใหม่