แกร็บ ชู “4S” ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ 4 มิติ สู่ “ผู้ให้บริการความอร่อยครบวงจร”
แกร็บฟู้ด ลุยกลยุทธ์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค 5.0 ยกระดับประสบการณ์การให้บริการจาก “แพลตฟอร์มสั่งอาหาร” สู่การเป็น “ผู้ส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยแบบครบวงจร” แก้ pain point ผู้บริโภคใน 4 มิติ (4S) เวลา ความสะดวก ราคา และสิ่งแวดล้อม !!
แกร็บฟู้ด ลุยกลยุทธ์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค 5.0 ยกระดับประสบการณ์การให้บริการจาก “แพลตฟอร์มสั่งอาหาร” สู่การเป็น “ผู้ส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยแบบครบวงจร” ชู 4 มิติแก้ paint point ผู้บริโภค
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ตลาดฟู้ดเดลิเวอรีมูลค่า 8.6 หมื่นล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงทรงตัวจากการปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว ทำให้เรายังคงเห็นการแข่งขันที่เข้มข้นของผู้เล่นรายต่างๆ ในตลาด ที่พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง
แกร็บฟู้ดโฟกัส 3 กลยุทธ์หลัก คือ
- นำเสนอบริการที่มีคุณภาพและความหลากหลาย (Quality & Wide Selection)
- สร้างฐานสมาชิกและความภักดีของผู้ใช้บริการ (Loyalty)
- การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งอาหารและสินค้า (Efficiency)
โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการนำเสนอบริการและฟีเจอร์ใหม่ๆ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน สอดคล้องทิศทางดำเนินธุรกิจในระยะยาวภายใต้แนวคิด Building Sustainable Growth through Innovation
“ในฐานะผู้นำตลาด แกร็บไม่เคยหยุดพัฒนาแพลตฟอร์มและนำเสนอบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกยุค โดยเฉพาะในยุค 5.0 ที่เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทและทวีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น เราจึงได้ใช้จุดแข็งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการให้สอดคล้องกับอินไซต์และพฤติกรรมของผู้บริโภค
โดยมุ่งแก้ pain point เพื่อทลายข้อจำกัดต่างๆ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการใน 4 มิติหลัก คือ ด้านเวลา ความสะดวก ราคา และสิ่งแวดล้อม โดยแกร็บฟู้ดไม่ได้หยุดแค่การเป็นแพลตฟอร์มสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี แต่จะเป็นผู้ส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยแบบครบวงจรให้กับผู้ใช้บริการชาวไทย"
ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ 4 มิติ หรือ “4S”
S1: SAVE TIME (ประหยัดเวลา) เพื่อตอบโจทย์คนยุคนี้ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ หรือต้องการทลายข้อจำกัดในด้านเวลา แกร็บ พัฒนาฟีเจอร์ช่วยผู้ใช้บริการลดเวลารอ เช่น รับเองที่ร้าน (Self-pick up) ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้บริการสามารถสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่าน แอปพลิเคชัน Grab เพื่อไปรับเองที่หน้าร้านโดยไม่ต้องต่อคิว
โดย 53% ของผู้ที่ใช้ฟีเจอร์นี้ ไม่ต้องการเสียเวลาต่อคิวเพื่อรอที่หน้าร้าน2 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มพนักงานออฟฟิศ โดย 5 สถานที่ที่มีผู้ใช้ฟีเจอร์นี้มากที่สุด คือ สามย่านมิตรทาวน์ อาคารเดอะปาร์ค ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และสีลมเอจ
สั่งอาหารล่วงหน้า (Order for later) : ผู้ใช้บริการสั่งอาหารได้ล่วงหน้าได้มากสุดภายใน 7 วัน ระบุวันและเวลาที่ต้องการรับอาหารตามความสะดวก โดย 58% ของผู้ใช้ฟีเจอร์นี้คือคนที่ยุ่งกับการทำงานระหว่างวันจนไม่มีเวลาสั่งอาหาร ขณะที่ 20% ต้องการหลีกเลี่ยงการสั่งอาหารในช่วงเวลา peak hours เช่น มื้อเที่ยงและมื้อเย็น
S2: SAVE EFFORTS (สะดวกสบาย) พัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ให้ผู้ใช้บริการสามารถลิ้มลองอาหารจานโปรดได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เช่น สั่งอาหารแบบกลุ่ม (Group Order) ผู้ใช้บริการหลายคนสามารถสั่งอาหารจากร้านเดียวกันรวมกันได้ผ่านออเดอร์เดียว ได้รับความนิยมจากกลุ่มพนักงานออฟฟิศ
ทานที่ร้าน (Dine-In): บริการใหม่ รองรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารนอกบ้าน ครอบคลุมตั้งแต่การค้นหาและเช็ครีวิวร้านอาหาร การนำเสนอดีลส่วนลดสูงสุดถึง 40% ในรูปแบบ E-Voucher จากร้านอาหารชั้นนำ
S3: SAVE COST (ประหยัดเงิน) แกร็บพัฒนาบริการให้มีทางเลือกหลากหลายด้านราคาค่าบริการ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคา (Price-conscious user) ด้วย เช่น ดีลลดฟ้าผ่า (Flash Sale) ส่งแบบประหยัด (Saver Delivery)
S4: SAVE THE ENVIRONMENT (รักษ์โลก) ตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ผู้ใช้บริการได้มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบในเชิงสิ่งแวดล้อม เช่น งดรับช้อน-ส้อมพลาสติก (Plastic Cutlery Opt-Out) ซึ่งปีที่ผ่านมา สามารถลดปริมาณขยะพลาสติกไปแล้วกว่า 8,100 ตันจากการงดแจกช้อนส้อมพลาสติกรวมกว่า 898 ล้านชุดในทุกประเทศที่แกร็บให้บริการ
ชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) ชวนให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงิน 1 บาทในทุกออเดอร์เพื่อสมทบทุนในการปลูกต้นไม้ ช่วยชดเชยปริมาณคาร์บอนจากการส่งอาหารด้วยรถจักรยานยนต์ ที่ผ่านมาแกร็บสนับสนุนการปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 2 แสนต้นทั่วภูมิภาค