5 เรื่องต้องรู้ของ ‘Dyson Zone’ เครื่องฟอกอากาศที่ฟังเพลงได้ (ไม่) นิดหน่อย
เจาะลึก "Dyson Zone" หูฟังแบบ Headphone ที่ซื้อแล้วได้ถึงสองฟังก์ชัน ทั้งฟังเพลงและฟอกอากาศ ให้คุณได้ดื่มด่ำกับเสียงดนตรีไปพร้อมกับสูดลมหายใจบริสุทธิ์
ซุ่มพัฒนามานานกว่า 5 ปี สำหรับ Dyson Zone หูฟังแบบเฮดโฟนตัดเสียงรบกวนรุ่นแรกจาก Dyson จนกลายมาเป็นเฮดโฟนที่ทำให้อากาศก็ดี ฟังดนตรีก็ไพเราะ
KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปเจาะลึกหูฟังรุ่นนี้ในฐานะอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ระดับนวัตกรรมที่ "Dyson" ยังรักษามาตรฐานความล้ำสมัยมาเสมอ กับ 5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ "Dyson Zone"
ตัดเสียงรบกวนได้หมดจด
"Dyson Zone" มีโหมดตัดเสียงรบกวนที่ครอบคลุมทุกการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม ทั้ง Noise Cancellation ที่ตัดเสียงรบกวนได้เงียบสนิท เพื่อให้คุณดื่มด่ำกับเสียงดนตรีทุกรายละเอียด ส่วนโหมด Transparent เป็นระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟที่เหนือชั้น ช่วยลดมลภาวะทางเสียงและตรวจจับเสียงรอบข้างไปพร้อมกัน
ซึ่งหัวใจสำคัญของการตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมมาจากเหตุผลสำคัญคือ การเลือกวัสดุสำหรับการสร้างสรรค์หูฟัง "Dyson Zone" โดยโฟมครอบหูถือเป็นวัสดุสำคัญสำหรับหูฟัง ส่งผลให้วิศวกรของ "Dyson" ได้ศึกษาองค์ประกอบต่างๆ ของโฟมอย่างละเอียด และเลือกโฟมที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดโดยพิจารณาจากความหนาแน่น อัตราส่วนการบีบอัด และความยืดหยุ่นในการคืนตัว เพื่อมอบประสิทธิภาพเสียงที่ดีที่สุด ป้องกันเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ ทั้งยังออกแบบมาให้แบนกว่าเฮดโฟนแบบปกติ เพื่อตัดเสียงรบกวนและให้ความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่
แล้วยังมีไมโครโฟนเสริมโดยเฉพาะสำหรับการโทร บันทึกเสียง หรือควบคุมเสียง เพื่อความชัดเจนในการส่งสัญญาณเสียงได้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ยังตัดเสียงรบกวนรอบข้างตามสภาพแวดล้อมของผู้ใช้งานได้ด้วย
เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ติดตัวไปทุกที่
นอกจากการเป็นหูฟังเฮดโฟนแล้ว "Dyson Zone" ยังติดตั้งหน้ากากกรองอากาศสำหรับการเดินทางได้ เพื่อปล่อยอากาศบริสุทธิ์แก่ผู้ใช้งานเมื่อต้องเดินทางในเขตเมืองที่มีมลพิษหรือขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะ เทคโนโลยีนี้เกิดจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ "Dyson" สั่งสมมากว่า 30 ปีด้านเทคโนโลยีการไหลเวียนของอากาศ การกรอง เทคโนโลยีมอเตอร์ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในและภายนอกอาคาร
การทำงานของเครื่องกรองอากาศขับเคลื่อนด้วยคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ในบริเวณด้านนอกตัวหูฟังแต่ละข้าง โดยจะดึงอากาศผ่านตัวกรอง 2 ชั้น และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ 2 กระแสไปยังจมูกและปากของผู้ใช้ผ่านหน้ากากกรองอากาศสำหรับการเดินทาง ขณะเดียวกัน ตัวกรองประจุไฟฟ้าสถิตจะขจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน และตัวกรองคาร์บอนจะดูดซับก๊าซ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ จากมลภาวะในเมือง
คุณภาพเสียงเหนือชั้น
เคล็ดลับที่ทำให้ "Dyson Zone" มีเสียงที่คมชัดและสมจริง คือการสร้างช่วงความถี่เสียงได้ตั้งแต่ 6Hz ถึง 21kHz จึงได้ยินครบทุกโน้ตและชัดเจนทุกคำ โดยช่วงความถี่ดังกล่าวขับเคลื่อนด้วยระบบวิศวกรรมอิเล็กโทรอคูสติก และส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ลำโพงนีโอไดเมียม 16 โอห์ม ขนาด 40 มม. ที่เป็นหัวใจของระบบเสียงของ Dyson Zone
นอกจากนี้ ทั้งลำโพง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ระบบกลไกการทำงาน การใช้วัสดุ และเสียง ยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อลดความผิดเพี้ยนของเสียงให้น้อยที่สุด อีกทั้งสัญญาณเสียงขาออกของลำโพงยังมีการควบคุมและชดเชยย่านความถี่เสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมโดยเทคโนโลยีประมวลผลสัญญาณอัจฉริยะที่ระดับ 48,000 ครั้งต่อวินาที เมื่อผสานกับระบบตัดเสียงรบกวน จะปรับค่าความผิดเพี้ยนฮาร์โมนิกให้เป็นกลางจนถึงระดับที่ได้ยินในทุกย่านความถี่ไม่ได้ (เหลือ 0.08 เปอร์เซ็นต์ ที่ระดับความดัง 94 เดซิเบล ที่ความถี่ 1 กิโลเฮิร์ตซ์)
สวมใส่สบายมากถึงมากที่สุด
"Dyson Zone" ได้รับการพัฒนาให้สวมใส่สบายที่สุด โดย "Dyson" ได้สร้างแผ่นรองหูฟังที่ปรับองศาให้เข้ากับรูปทรงหูของผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยโฟมครอบหูที่หนาและแถบคาดศีรษะที่ยึดกระชับ
ซึ่ง "Dyson Zone" ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงและดีไซน์ของอานม้า เพื่อให้กระจายถ่ายเทน้ำหนักได้เท่ากันทั้งสองข้างของศีรษะ แทนการกระจายน้ำหนักด้านบนศีรษะเพียงจุดเดียว นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงรูปทรงศีรษะที่หลากหลายของผู้ใช้งานทั่วโลก เพื่อปรับให้ใส่ได้กระชับพอดีและแนบสนิทหูผู้ใช้ทุกคน
ราคาสมกับเป็นนวัตกรรมจาก Dyson
ราคาของ "Dyson Zone" เริ่มต้นที่ 28,900 บาท ในรุ่นธรรมดา และ 32,900 บาท ในรุ่น Dyson Zone Absolute+ ที่เพิ่มเคส Explorer Case และชุดอะแดปเตอร์บนเครื่องบิน (Inflight Adaptor Kit) และกระเป๋า (Soft Pouch) ซึ่งเป็นชุดที่จำหน่ายเฉพาะที่ Dyson Direct เท่านั้น ทาง www.dyson.co.th หรือที่ Dyson Demo Stores
โดยเปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ ที่ www.dyson.co.th และ Dyson Demo Store ทุกสาขา และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ที่ Dyson Demo Store ทุกสาขา