‘กสทช.’ ป้อง 'ทรู-ดีแทค' ยันยังทำตามเงื่อนไขหลังควบรวม
‘กสทช.’ ป้อง ทรู-ดีแทค ปฏิบัติตามกฎหมาย และเงื่อนไขหลังรวมธุรกิจ ชี้ ปัญหาอาจเกิดจากการสื่อสารที่ออกไปยังสาธารณะ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ชี้หลังควบรวมข้อร้องเรียนคุณภาพสัญญาณมี 17 เรื่อง
พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธาน กสทช. ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำประธาน กสทช. ด้านกฎหมาย และ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการ กสทช. ชี้แจงกรณีปัญหาคุณภาพของสัญญาณ และค่าบริการหลังการควบรวม ทรู ดีแทค
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า จากการติดตาม และตรวจสอบการควบรวม ทรู ดีแทค คณะอนุกรรมการติดตามตรวจสอบ และประเมินตามมาตรการเยียวยาได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลตรวจสอบต้องเสนอรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. รับทราบก่อน จึงจะมีการเปิดเผยได้ ภายหลังควบรวมธุรกิจ ทรู ได้ส่งรายงานมาแล้วและมีการจัดทำรายงานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากคณะอนุกรรมการฯ หมดอายุลงในวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
“หลังควบรวม ทรู และ ดีแทค ยังปฏิบัติตามกฎหมายและเงื่อนไข แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการสื่อสารที่ออกไปยังสาธารณะ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดก่อให้เกิดความสับสนของผู้ได้รับข้อมูล อาทิ ประเด็นการลดเสาสัญญาณ ทำให้คุณภาพสัญญาณแย่ลง ซึ่งทรู ได้ชี้แจงข้อมูลในประเด็นที่มีการร้องเรียนเรื่องเสาสัญญาณที่มีจำนวนมาก หลังรวมธุรกิจทำการโยกย้ายสถานีฐาน (Cell Site) ไปในจุดที่สัญญาณดีกว่า และยืนยันว่าคุณภาพการส่งสัญญาณยังคงเดิม แต่ได้มีการตำหนิทรู เกี่ยวกับการแจ้งดำเนินการยุบเสาสัญญาณและโยกย้าย Cell Site ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการรับทราบก่อน”
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับอัตราค่าบริการที่เฉลี่ยลดลง 12% จะใช้วิธีการเฉลี่ยราคาใหม่ด้วยการถ่วงน้ำหนัก ตามจำนวนผู้ใช้บริการแต่ละรายการส่งเสริมการขายภายใน 90 วัน หลังจากที่ได้มีการรวมธุรกิจ ทางทรู ได้ส่งข้อมูลให้สำนักงาน กสทช.ตรวจสอบ โดย กสทช.ได้ทำการสุ่มตรวจสอบข้อมูล ซึ่งในการลดค่าเฉลี่ยว่า แพ็กเกจไหนประชาชนใช้เยอะ กสทช.จะนำมาเฉลี่ยผลลัพธ์ออกมา
จากการตรวจสอบก็พบว่า ทรู ยังทำตามมาตรฐานที่ได้กำหนด สำหรับการเฉลี่ยราคาโดยการถ่วงน้ำหนักจากแพ็กเกจที่มีผู้ใช้มาก ที่ว่าลดลง 12% นั้น ค่าเฉลี่ยนั้นคือราคาเท่าไหร่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องเสนอคณะกรรมการ กสทช. รับทราบก่อน
ขณะที่ประเด็นของแพ็คเกจราคา 299 บาท และมีแพ็กเกจอื่นๆ ที่หายไป ก็ยืนยันว่าปัจจุบันยังมีการให้บริการอยู่ เมื่อครบกำหนดใช้บริการ 30 วัน แพ็กเกจจะหมดอายุ ผู้ให้บริการจะให้ผู้บริโภคเลือกว่าจะต่อแพ็กเกจเดิม หรือใช้แพ็กเกจใหม่ที่กำหนดได้ไม่มีการบังคับการเลือกใช้แพ็คเกจ
รวมถึงข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณภาพสัญญาณที่ก่อนควบรวมธุรกิจ ทรู ดีแทค มีจำนวน 944 เรื่อง แบ่งเป็นของ ทรู 637 เรื่อง และ ดีแทค 307 เรื่อง และหลังควบรวมธุรกิจมี 836 เรื่อง โดยมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคุณภาพสัญญาณแค่ 17 เรื่อง
ด้าน พ.ต.อ. ประเวศน์ กล่าวว่า ทรู ดำเนินตามเงื่อนไขหลังควบรวมทั้งสิ้น 19 ข้อ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้เป็นข้อมูลของประธานอนุกรรมการผู้บริโภค ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการติดตามฯ
โดยเป็นเหตุที่ทำให้คณะกรรมการ กสทช.ทั้ง 4 ท่าน ทำเรื่องเสนอประธาน กสทช. นำเรื่องเข้าที่ประชุม โดยเรื่องการติดตามหลังควบรวมธุรกิจ ได้ถูกบรรจุในวาระการประชุมมาโดยตลอด แต่การประชุมครั้งที่ผ่านมา ยังไม่มีการพิจารณา ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมบอร์ด กสทช.