‘ประเสริฐ จันทรรวงทอง’ ทิ้งทุกตำแหน่งในเพื่อไทย ขอปั้นรัฐบาลดิจิทัล
ถอดความคิดรัฐมนตรีดีอี ‘ประเสริฐ’ หลังยื่นลาออก‘สส.บัญชีรายชื่อ’ - ‘เลขาธิการพรรคฯ’ เปิดทางคนรุ่นใหม่เพื่อไทยทำหน้าที่สส.ผลักดันงานสภาฯ มีผล 15 ม.ค.นี้ แก้ไขปัญหาประชาชน ขอมุ่งมั่นทำงาน พร้อมปั้นกระทรวงดีอีสู่เจ้าภาพดิจิทัลทุกมิติ ฝันเห็นซูเปอร์แอปเพื่อประชาชน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ( 8 ม.ค.) ได้แสดงความจำนงต่อผู้บริการพรรคเพื่อไทยในการลาออกจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ โดยจะมีผลตามกฎหมายในวันที่ 15 ม.ค. 2567 เพื่อเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ของพรรค ได้เข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร เพื่อขับเคลื่อนงานนิติบัญญัติเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน อีกทั้งเมื่อตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็พบว่ามีภาระงานหลายเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา พร้อมไปกับการยกระดับความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศด้านต่างๆ ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง และจะต้องอาศัยการทำงานเชิงรุกอย่างมาก แม้ขณะนี้หลายโครงการได้ริเริ่มดำเนินการแล้วแต่ก็ยังต้องติดตามสานต่อโดยละเอียดเพื่อให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็ว ดังนั้นจึงต้องการที่จะใช้ทุกสรรพกำลังผลักดันงานด้านดิจิทัลให้เกิดประโยชน์กับประชาชนกับประเทศโดยเร็วที่สุด
ส่วนกระแสข่าวว่าการลาออกจากตำแหน่ง สส. จะเป็นเงื่อนไขทำให้ได้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปได้อย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงแต่ประการใด เพราะเรื่องนี้ตนได้พิจารณาอย่างรอบคอบรอบด้าน และเป็นความต้องการที่จะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ของพรรค จึงได้ตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่ง สส. โดยเชื่อมั่นในความสามารถและศักยภาพของคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะสามารถผลักดันภารกิจด้านนิติบัญญัติเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่
รัฐมนตรีดีอี กล่าวอีกว่า หลังจากลาออกจากตำแหน่งสส.บัญชีรายชื่อแล้ว
ตนจะมุ่งพลิกโฉมกระทรวงดีอีด้วยดิจิทัลและคลาวด์ผ่าน 3 นโยบายหลักได้แก่ 1. การเปลี่ยนรัฐบาลดิจิทัลโดยสมบูรณ์ 2.เดินหน้าโครงการคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC และทิศทางความพร้อมก้าวสู่ Cloud First และ 3. One Citizen ID ซึ่งเป็นการต่อยอดการบรูณาการจากดิจิทัล ไอดี ที่มีอยู่ 4 แอปพลิเคชั่น เช่น ThaiID หมอพร้อม เป๋าตัง และ NDID
โดยจะมีการประชุมร่วมกับในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะเลือกใช้การยืนยันตัวบุคคลด้วยดิจิทัลของหน่วยงานใด เพราะปัจจุบันมีการแยกการเก็บข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน ดังนั้น สิ่งที่ดีอีจะทำคือซูเปอร์แอปในการรวมบริการภาครัฐไม่เกิน 300 บริการไว้ในแอปฯเดียว
“กระทรวงดีอีให้ความสำคัญการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยให้สามารถรับมือความเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีหลากหลายที่ปฏิวัติทุกมิติของสังคมและเศรษฐกิจซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการเดินหน้าวางรากฐานรัฐบาลดิจิทัลที่มั่นคงและต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อผมได้ทำหน้าที่รัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว ก็ขอให้คำมั่นว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด และพี่น้องประชาชนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใต้การบริหารงานจากดีอี”
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรองรับยุคเศรษฐกิจ AI อีกทั้งเร่งให้เกิดแผนแม่บทการส่งเสริมการพัฒนา AI โดยเฉพาะการวางแนวทางการเยียวยาความเสียหายจากความผิดพลาดของ AI (Responsible AI) อย่างมีทิศทางเพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของไทยสู่เวทีโลกจากเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านแผนงานการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของ Digital Startup เน้นการสร้างระบบ Co-Investment และกองทุนเพื่อการพัฒนา Digital Startup Go Global ยกระดับศักยภาพการสร้างรายได้ของเกษตรกร สนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น New World of Digital Content and E-SPORTS และเป็นจุดหมายทางการค้า การลงทุนในเวทีโลก