’ทีเคซี‘ปักหมุดนั่งแท่นผู้นำดิจิทัลโซลูชัน ลุย 8 ธุรกิจเสิร์ฟเมกะเทรนด์
ล่าสุดโชว์ผลงานปี 66 โกยกำไรอยู่ที่ 250.43 ลบ. โต 9.43 ลบ. กวาดรายได้รวมกว่า 3,886.53 ลบ. โตทะยาน 57.87% เผยปีนี้วางทิศทางธุรกิจปีมังกรทองเติบโตต่อเนื่อง กอด Backlog แน่นกว่า 3,200 ลบ. สนับสนุนรายได้โตไม่น้อยกว่า 10% เดินหน้าลุยธุรกิจเมกะเทรนด์
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเคซี กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2567 มั่นใจยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี เป็นไปตามแผนที่บริษัทวางไว้ เดินหน้าสู่เป้าหมายรายได้เติบโตในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 10% จาก 8 กลุ่มธุรกิจของบริษัท พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่ 1 ในธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที
ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เช่น ระบบ Smart Solutions โดยมุ่งเน้น Smart Hospital, Smart Farming, Smart Logistics, Cyber Security, Smart Learning และ Smart Platform ที่เป็นโอกาสสร้างการเติบโตใหม่ๆ โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไอโอทีร่วมกับการสร้างและออกแบบเน็ตเวิร์กและเซิร์ฟเวอร์มาเสริมสร้าง ประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และควบคุมคุณภาพในธุรกิจด้านต่างๆ
โดยในตอนนี้บริษัทมีการเซ็นสัญญารับงานกับลูกค้าเข้ามาบ้างแล้วปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 3,200 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 60% โดยตั้งเป้าความสามารถในการเข้าประมูลประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะเลือกเข้าร่วมประมูลโครงการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และตั้งเป้าอย่างน้อยจะมีงานเข้ามาเติมพอร์ตประมาณ 30-40% ของการเข้าร่วมประมูล ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทปัจจุบันมาจากลูกค้าเอกชน 30% และรัฐบาล 70% ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนให้เป็น 40 : 60% ในอนาคต
“ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากธุรกิจหลักด้านโทรคมนาคมและไอซีทีที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจด้าน Cyber Security ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5% จากรายได้ทั้งหมด และในปีถัดไปจะเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก ไปอีก 5 ปีต่อจากนี้ โดยมองว่าในปี 2567 จะได้เห็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้เพิ่มเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 7-10% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ประจำอยู่ที่ประมาณ 35% ของพอร์ตรายได้รวม” นายสยาม กล่าว
ส่วนผลประกอบการบริษัทในงวดปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 250.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.91% จากปีก่อน มีรายได้รวม 3,886.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,424.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.87%
โดยรายได้หลักแบ่งเป็นรายได้จากงานโครงการ 1,745.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 460.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.89% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้งานโครงการขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินงานในปี 2566 ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการให้บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งงานระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบความปลอดภัยของสาธารณะ และระบบบริการดิจิทัล
ขณะที่มีรายได้จากงานบริการวิศวกรรมและบำรุงรักษา 1,053.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.38% เนื่องจากบริษัทฯมีการรับรู้รายได้งานโครงการขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการในปี 2566 ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการให้บริการพัฒนาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล และมีรายได้จากการขาย 1,059.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 781.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 281.32% เทียบกับปี 2565 เนื่องจากการขายเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ
“ในงวดปี 66 ผลประกอบการออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 1,424.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.87% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีการรับรู้รายได้งานโครงการอุปกรณ์โครงข่าย (Network Equipment) ของโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G/5G บนคลื่น 700 MHz และโครงการพัฒนาระบบนิเวศศูนย์ดิจิทัลชุมชนอย่างยั่งยืน และโครงการขยายบริการคลาวด์กลางภาครัฐ” นายสยาม กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมของบริษัทฯ สำหรับผลประกอบการประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น