จี้สนง.กสทช.ส่งรีพอร์ตทรูควบดีแทคใน 7 วัน เต้นหลังสภาพัฒน์เผยค่าโทรแพง

จี้สนง.กสทช.ส่งรีพอร์ตทรูควบดีแทคใน 7 วัน  เต้นหลังสภาพัฒน์เผยค่าโทรแพง

บอร์ดกสทช. จี้ สำนักงานกสทช.ทำรายงานด่วนภายใน 7 วัน แจงประเด็นสภาพัฒน์ฯ ร้องขอให้ทบทวนมาตรการกำกับดูแลโทรคมนาคมหลังควบรวมทรู-ดีแทค เหตุมีการร้องเรียนเรื่องคุณภาพสัญญาณ และราคาเพิ่มขึ้น คาดดัชนีราคาค่าบริการมือถือออกไตรมาส 2 ปีนี้

KEY

POINTS

  • ให้สำนักงาน กสทช. ทำรายงานความคืบหน้ามาตรการกำกับดูแลกิจการหลังทรูควบรวมดีแทค ส่งให้ภายใน 7 วัน เพื่อชี้แจงเรื่องคุณภาพการให้บริการ ค่าโทร มากกว่ารายงานเฉพาะค่าเฉลี่ย
  • ไตรมาส 2 นี้จะมีการประกาศดัชนีค่าโทรกลางที่ทำขึ้นมา โดยจะประสานข้อมูลกับแบง์ชาติและสภาพัฒน์ฯ เพื่อใส่ข้อมูลกลางเกี่ยวค่าบริการและสภาะตลาดโทรคมนาคมโดยรวม
  • สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิของประชาชนไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการด้านโทรคมนาคม จึงควรมีการทบทวน/เพิ่มเติมแนวทางการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเข้มข้นมากขึ้น

นางสาวพิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เปิดเผยถึงผลสำรวจของ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กรณีการควบรวมกิจการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ว่า ที่ประชุมบอร์ดกสทช.มีการเร่งให้ สำนักงาน กสทช. ทำรายงานความคืบหน้ามาตรการกำกับดูแลกิจการหลังทรูควบรวมดีแทค ส่งให้ภายใน 7 วัน เพื่อชี้แจงเรื่องคุณภาพการให้บริการ ค่าโทร ราคาและแพ็กเกจที่ละเอียดมากกกว่าการเฉลี่ยราคา ชี้ให้เห็นว่าค่าบริการพื้นฐานในปัจจุบันถูกหรือแพง จากนั้นบอร์ดกสทช. จะพิจารณา และจะรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงแก่สาธารณชนต่อไป

ด้านนายศุภัช ศุภชลาศัย กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า ในเรื่องการวัดค่าเรื่องราคาค่าบริการยังมีความซับซ้อนจากบริบทการให้บริการที่หลอมรวมหลายบริการ นอกจากนี้แต่ละหน่วยงานก็มีตัวเลขที่ชี้วัดเฉพาะของตน และข้อร้องเรียนเรื่องราคาจากที่ได้รับร้องเรียนยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ชี้วัด ซึ่งขณะนี้การสร้างดัชนีโทรคมนาคม โดยฝ่ายวิชาการ ของ กสทช. ได้ออกแบบระเบียบวิธีเสร็จสิ้นแล้ว เหลือแต่เพียงการประสานทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒน์ ภาคเอกชน และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ยอมรับระเบียบวิธีและใช้ตัวเลขเดียวกันชี้วัดราคาโทรคมนาคม เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงจะใส่ตัวเลขลงในเครื่องมือและประเมินภาพของตลาด ตอบคำถามเรื่องราคาได้ทันสิ้นไตรมาสที่ 2 ปีนี้ 

อย่างไรก็ตาม การแถลงข้อมูลภาวะสังคมไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และภาพรวมปี 2566 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ในส่วนของผลกระทบของผู้บริโภคหลังการควบรวมกิจการโทรคมนาคม จากกรณีการควบรวมธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดโทรคมนาคม ทั้งนี้ จากข้อร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับพบว่าภายหลังการควบรวมกิจการค่าบริการรายเดือนของโทรศัพท์มือถือปรับตัวเพิ่มขึ้นและบางโปรโมชันยังถูกลดนาทีค่าโทรลง เช่น แพ็กเกจราคา 349 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 399 บาท พร้อมทั้งมีการลดปริมาณและความเร็วอินเทอร์เน็ตลง , แพ็กเกจราคา 499 และ 599 บาท ถูกลดนาทีค่าโทรลงจาก 300 นาที เหลือ 250 นาที

อีกทั้ง ผู้บริโภคยังเริ่มประสบปัญหาด้านคุณภาพสัญญาณมากขึ้น จากผลสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้บริการทุกเครือข่ายมือถือทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 81% พบปัญหาการใช้งานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโดยเครือข่ายของบริษัทที่มีการควบรวมพบมากที่สุด คือ ปัญหา สัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า รองลงมาเป็นปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตหลุดบ่อย เป็นต้น

โดย 91% ของผู้ได้รับผลกระทบเคยร้องเรียนไปยังคอลเซ็นเตอร์ของเครือข่ายที่ใช้บริการแล้วแต่ยังพบปัญหาอยู่เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม แม้สำนักงาน กสทช.จะมีการกำหนดเงื่อนไขในการควบรวม เช่น การลดอัตราค่าบริการเฉลี่ยลง 12% เพื่อควบคุมราคาค่าบริการแต่จากสถานการณ์ข้างต้น

ทั้งนี้ให้เห็นว่า มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้เท่าที่ควร ขณะที่ในต่างประเทศ เช่น ออสเตรีย ได้กำหนดเงื่อนไขการควบรวมธุรกิจ T-Mobile และ tele.ring ในปี 2006 ให้ผู้ควบรวมต้องขายคลื่นความถี่และเสาสัญญาณบางส่วนให้กับผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งทำให้ผู้ให้บริการรายเล็กมีโครงข่ายที่แข็งแกร่งสามารถแข่งขันได้มากขึ้น ส่งผลให้อัตราค่าบริการไม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังทำให้คุณภาพสัญญาณดีขึ้นและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

ดังนั้น สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิของประชาชนไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการด้านโทรคมนาคม จึงควรมีการทบทวน/เพิ่มเติมแนวทางการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเข้มข้นมากขึ้น อาทิ การกำหนดเพดาน/ควบคุมราคาของอัตราค่าบริการเฉลี่ยให้เหมาะสม ตลอดจนมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่อย่างจริงจัง