Grab เปิดกลยุทธ์ยึดเบอร์ 1 สมรภูมิแอป ‘เรียกรถ - ดิลิเวอร์รี'

Grab เปิดกลยุทธ์ยึดเบอร์ 1 สมรภูมิแอป ‘เรียกรถ - ดิลิเวอร์รี'

“แกร็บ” ย้ำภาพผู้นำซูเปอร์แอปเรียกรถ-ดิลิเวอรี กางแผนธุรกิจปี 67 มุ่งรักษาฐานลูกค้าหลัก นำเสนอบริการที่เน้นความคุ้มค่า ใช้เทคโนโลยีเอไอเสริมแกร่ง โหมธุรกิจโฆษณา-บริการใหม่ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ไม่เน้นลงสนามสงครามราคา

KEY

POINTS

  • แกร็บยังคงครองอันดับ 1 ผู้ให้บริการแอปฟู้ดดิลิเวอรีและเรียกรถในประเทศไทย
  • ปี 67 มุ่งรักษาฐานลูกค้า นำเสนอบริการที่เน้นความคุ้มค่า ใช้เทคโนโลยีเอไอเสริมแกร่ง พร้อมโหมธุรกิจโฆษณา-บริการใหม่
  • ยึดโจทย์ “ความยั่งยืน” ให้ความสำคัญกับทั้งเรื่องของผลประกอบการ สิ่งแวดล้อม และบุคลากร

ในสมรภูมิ “ดิลิเวอรี” ที่การแข่งขันดุเดือด “แกร็บ” นับเป็นผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งน่าติดตามว่าจากที่สามารถปรับโฉมธุรกิจ “ล้างขาดทุน” ไปสู่ “เกมทำกำไร” ได้แล้ว จะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้างนับจากนี้...

“แกร็บ” ย้ำภาพผู้นำซูเปอร์แอปตลาดเรียกรถ-ดิลิเวอรี กางแผนธุรกิจปี 67 เร่งเครื่องรุกธุรกิจเต็มสูบ มุ่งรักษาฐานลูกค้าหลัก นำเสนอบริการที่เน้นความคุ้มค่า ใช้เทคโนโลยีเอไอเสริมแกร่ง โหมธุรกิจโฆษณา-บริการใหม่ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ไม่เน้นลงสนามสงครามราคา

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เปิดมุมมองว่า แกร็บมองเห็นสัญญาณเชิงบวกและเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งภูมิภาครวมถึงประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเรียกรถผ่านแอปและฟู้ดดิลิเวอรี ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% ภายในปี 2568

สำหรับแกร็บ ประเทศไทย ปีนี้เตรียมเดินหน้ารุกธุรกิจเต็มสูบ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่ 4 ประเด็นหลัก (หรือ 4A) ประกอบด้วย รักษาฐานลูกค้าหลัก (Active Users), ผุดบริการใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า (Affordability), ใช้เทคโนโลยีเอไอเสริมแกร่ง (AI Technology), และโหมธุรกิจโฆษณา-บริการใหม่ (Ads & New Services)

ควบคู่ไปกับการสานต่อโครงการต่างๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้โจทย์ที่มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นกับทุกคนในอีโคซิสเต็ม ให้ความสำคัญกับทั้งผลประกอบการ สิ่งแวดล้อม และบุคลากร

เกมรักษา ‘เบอร์ 1’

ปัจจุบัน แกร็บยังคงครองอันดับ 1 ตลาดฟู้ดดิลิเวอรีและเรียกรถผ่านแอปในประเทศไทย ขณะเดียวกันเป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่สามารถทำกำไรได้จากธุรกิจนี้ และทำได้เป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว

ปัจจัยความสำเร็จ มาจากฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ พาวเวอร์ออฟอีโคซิสเต็ม รวมถึงการวางกลยุทธ์ธุรกิจที่ชัดเจน ไม่เน้นการแข่งขันด้วยสงครามราคา ขณะนี้รายได้หลักของแกร็บยังมาจากบริการเรียกรถและฟู้ดดิลิเวอรี ทว่าธุรกิจใหม่บริการโฆษณาอาจเป็นดาวรุ่งที่ทำกำไรได้ในอนาคต

ที่ผ่านมา กว่าครึ่งนึงของผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ดเป็นลูกค้าสมาชิกและกลุ่มนี้มักมีการใช้งานมากกว่าลูกค้าปกติถึง 20% โดยปีที่ผ่านมาช่วยลูกค้าประหยัดไปได้กว่า 4 พันล้านบาท ดังนั้นปีนี้หวังขยายฐานในส่วนนี้ให้มากขึ้นและจะขยายการให้บริการไปยังบริการเรียกรถด้วย

ภายใต้แนวทางการสร้างการเติบโตภายใต้ 4 ประเด็นหลัก หรือ “4A” แกร็บ มุ่งรักษาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ ขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตร, เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ

จากปลายปี 2566 ที่เร่ิมเปิดจุดรับส่งผู้โดยสารอย่างเป็นทางการที่สนามบินภูเก็ตและเชียงใหม่ รวมถึงสนามบินเชียงรายและดอนเมืองเมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน

ล่าสุด เตรียมขยายเพิ่มเติมที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยคาดว่าจะให้บริการอย่างเป็นทางการได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยค่าบริการจะคิดตามอัตราที่อยู่บนแอป

มากกว่านั้น  ในปีนี้สานต่อแผนการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และแมชีนเลิร์นนิง เพื่อใช้ต่อยอดเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้แพลตฟอร์ม เพื่อโมเดลรายได้ใหม่ๆ ต่อเนื่อง

ปี 66 อีกหนึ่งปีทอง 

สำหรับ ปี 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของ แกร็บ ประเทศไทย ด้วยผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงความสำเร็จจากการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ตลอดจนโครงการความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน

ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการเดินทาง ที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ภายหลังโควิดคลี่คลายด้วยอานิสงส์ของนโยบายการเปิดประเทศและการส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้ปีที่ผ่านมายอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 139%

ขณะที่ ธุรกิจดิลิเวอรี ก็ยังคงแข็งแกร่ง ทั้งบริการ GrabFood และ GrabMart ด้าน ธุรกิจทางการเงิน เพิ่มช่องทางการชำระเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยร่วมมือกับ Alipay และ Kakao Pay พร้อมขยายฐานผู้ใช้บริการในต่างจังหวัดผ่านการผนึกพันธมิตรกับธนาคารกรุงไทยโดยได้เชื่อมต่อระบบชำระเงินของแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) เข้ากับแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT

สำหรับการให้บริการ “เวอร์ชวลแบงก์” ส่วนของแกร็บในขณะนี้ยังไม่มีความสนใจและมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะไปสู้กับแบงก์และคนที่จะแข่งขันได้ก็คือแบงก์ที่เป็นเวอร์ชวลแบงก์เอง