ETDA พาส่อง ‘AI ตัวเด็ด’ ผู้ช่วยทำงาน ชาวออฟฟิศยุคดิจิทัล
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์เท่านั้น วันนี้ได้ข้ามเส้นแบ่งด้าน “การทำงาน” จากเดิมที่จำกัดแค่ “มนุษย์” มาเป็นส่วนหนึ่งในฐานะ “ผู้ช่วย” ที่มากความสามารถเกินกว่าจะปฏิเสธได้
KEY
POINTS
- เครื่องมือ AI ช่วยจัดการงานสารพัด 'ไม่ต้องลงแรง ให้เสียเวลา'
-
AI Chatbot, AI ช่วยจัดการงานรายวัน, AI ช่วยออกแบบ
-
AI ผู้ช่วยสร้าง 'Work – Life Balance' ของชาวออฟฟิศ
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA (เอ็ตด้า) รายงานว่า วันนี้ดูเหมือนว่าคนทำงานพร้อมยอมรับ เอไอ ในฐานะผู้ช่วยได้อย่างสนิทใจ และแทบจะขาดผู้ช่วยคนนี้ไม่ได้ด้วย
จากข้อมูลของ Salesforce ที่ทำการสำรวจพนักงานในประเทศไทยเกี่ยวกับการใช้ AI กับการทำงาน พบว่า กว่า 90% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เคยใช้ AI มาช่วยทำงานในกลุ่มงานทั่วไป (Daily Task) ที่ต้องเสียเวลาในการจัดการมากแต่ได้ประสิทธิผลในเชิงการทำงานน้อยขณะที่คนทำงานเกือบทุกคนที่ใช้ (กว่า 99%) มองว่า AI ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ (Productivity) มากขึ้น และกว่า 92% ลงความเห็นว่า AI ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น
แต่ในทางกลับกัน กว่า 77% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เผยว่า องค์กรที่พวกเขาทำงานอยู่ ไม่มีนโยบายในการผลักดันหรือสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างชัดเจน
พาส่องเครื่องมือ AI ผู้ช่วยจัดการงานสารพัด 'ไม่ต้องลงแรง ให้เสียเวลา'
พัฒนาการ AI ในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมาเติบโตไปไวอย่างก้าวกระโดด จาก AI ที่ใช้กับงานเฉพาะด้าน สู่เครื่องมือ AI ที่ช่วยจัดการงานที่ต้องใช้เวลา ให้ร่นเวลาได้เร็วขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของหนุ่มสาวคนทำงานออฟฟิศได้อย่างไม่น่าเชื่อสำหรับ AI ตัวเด็ด ตัวดังที่ชาวออฟฟิศยุคดิจิทัลต้องห้ามพลาด มีอะไรบ้างมาลองทำความรู้จัก เพื่อเป็นผู้ช่วยจัดการสารพัดงาน ที่ไม่ต้องลงแรงให้เสียเวลาอีกต่อไป
- AI Chatbot (เอไอ แชทบอท) : เป็น AI กลุ่มที่ไม่ว่าชาวออฟฟิศ หรือคนที่สนใจข่าวสายเทค ต่างรู้จักกันดี เพราะมีมาให้เลือกใช้งานกันหลายเจ้า และที่สำคัญ สามารถดาวน์โหลดมาใช้กันแบบฟรีๆ
โดยเครื่องมือ AI ในกลุ่มนี้ มักนิยมนำมาใช้ในการช่วยหาข้อมูล ถาม - ตอบเรื่องที่สงสัย ช่วยวาง concept งานเขียนหรือเรื่องราวต่างๆ แถมยังสามารถกำหนดบทบาทให้ AI ตอบคำถามในมุมมอง บทบาท ตามที่ต้องการได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังช่วยแปลภาษา ตรวจคำผิด และล้ำจนถึงขนาดให้ช่วยเขียนงานได้ด้วย AI Chatbot ที่สายเขียนมักใช้และคุ้นเคยกัน ได้แก่ ChatGPT (แชท จีพีที) หรือน้องใหม่อย่าง Gemini (เจมีไน) นอกจากนี้ยังมี AI Chatbot สัญชาติไทย Alisa (อลิสา) ที่เป็นอีกทางเลือกให้ไปลองใช้งานกันด้วย
- AI ช่วยจัดการงานรายวัน : ทั้งการสรุปประชุม หรือ จัดตารางงาน ที่แม้เป็นงานยิบย่อย ดูง่ายๆ แต่รวมๆ กันแล้วกินเวลาทำงานในแต่ละวันไม่น้อยเลยทีเดียว โดย AI ที่เข้ามาช่วยจัดการงานรายวัน ช่วยติดสปีดการทำงาน ให้เราสามารถโฟกัสงานสำคัญๆ ได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็จะมี Notion (โนชั่น) AI ผู้ช่วยจัดตารางงานทั้งงานส่วนตัว หรือจะใช้ร่วมกันทั้งองค์กร ตารางนัดหมาย ไปจนถึงช่วยจดบันทึกอัตโนมัติได้ด้วย แต่ถ้าชาวออฟฟิศที่ติดการประชุมน่าจะต้องชอบตัวนี้ Sembly (เซมบลิ) AI ช่วยวิเคราะห์ นำเสนอประเด็นสำคัญ และสรุปการประชุมจากเสียงให้เราได้ด้วย
- AI ช่วยออกแบบ : งานออกแบบภาพ งาน Presentation ที่เสียเวลาจัดหน้าให้สวยงามกว่าครึ่งค่อนวัน จะถูกย่นระยะเวลาลง ให้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น ด้วย AI ที่ช่วยออกแบบ
อย่าง Canva (แคนวา) ที่ช่วยสร้างรูปแบบงานนำเสนอให้ตรงใจได้เพียงแค่ใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการ และล้ำมากขึ้นด้วยการสร้างภาพจากข้อความ รวมไปถึงสร้างแอนิเมชันสั้นๆ ได้ด้วย
ส่วนสายการตลาดออนไลน์แนะนำว่าควรมี Simplified (ซิมพลิฟายด์) เป็นผู้ช่วยเพราะ AI ตัวนี้สามารถช่วยงานออกแบบ สร้างสรรค์คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียให้ออกมาตรงโจทย์ ตรงใจทั้งหัวหน้าและลูกค้า อีกทั้งยังช่วยตัดต่อวิดีโอได้ด้วย
นอกจากนี้สายกราฟฟิคต้องไม่พลาดสำหรับ Midjourney (มิดเจอร์นีย์) ที่เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสร้างภาพตามคำอธิบาย ทำได้ง่าย และสะดวกสำหรับสร้างภาพใหม่ๆ ที่อาจจะไม่มีอยู่จริงในโลกนี้ได้
AI ช่วยทำงานให้มีประสิทธิภาพ ใช่แค่ใช้เป็น แต่ต้องรู้ข้อจำกัด
แม้ว่า AI จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยคนเก่งที่มากความสามารถและตอบโจทย์หลายด้าน แต่ชาวออฟฟิศ คนใช้งาน ก็อย่าลืมว่า AI ไม่ใช่มนุษย์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ทั้งหมด และมีข้อจำกัดในหลายเรื่องที่เราต้องรู้
AI ผู้ช่วย สร้าง 'Work – Life Balance' ของชาวออฟฟิศ
จากรายงานสุขภาพคนไทยปี 2566 โดย สสส. พบว่า คนไทยใช้เวลามากกว่า 1 ใน 3 ของวันไปกับการทำงาน ซึ่งลักษณะของงาน สังคมการทำงาน และปริมาณงาน (Workload) มีผลต่อสุขภาพจิตของคนทำงาน
ผลการศึกษาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า ชาวออฟฟิศ คนทำงาน กำลังติดอยู่ในวังวน "Work ไร้ Balance" จากการต้องเสียเวลาทำงานยิบย่อยเอง จึงนับว่าเป็นข้อดีไม่น้อย ที่คนทำงานจะรู้จักการใช้เครื่อง AI มาเป็นผู้ช่วยในการทำงาน
โดยเฉพาะในงานยิบย่อยที่เสียเวลาในการจัดการมาก แต่ได้ผลงานหรือ Output ไม่มากเท่าที่ควร และยิ่งถ้าใช้งานอย่างเข้าใจตามข้อแนะนำ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีมากขึ้น