AI เทคโนโลยีร่วมสมัยตอกย้ำนิสัยมนุษย์
ท่ามกลางการโต้เถียงกันอย่างเข้มข้น เรื่องผลดีผลร้ายของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ มีการข่มขู่ถึงเอาชีวิตเกิดขึ้น ปัญญาประดิษฐ์เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกครั้งทั้งทางดีและทางร้าย
ตัวอย่างทางร้ายเกิดกับครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากกรุงวอชิงตันราว 80 กิโลเมตร เขาถูกกล่าวหาว่าพูดจาเหยียดหยามยิวและคนผิวสี หลังจากมีผู้นำบันทึกเสียงคำพูดที่อ้างว่าเป็นเสียงเขาออกเผยแพร่ บันทึกนั้นกระจายไปแบบไฟลามทุ่ง โรงเรียนถูกคุกคามจนต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัย
ด้านตัวครูใหญ่ นอกจากจะถูกสั่งพักงานในระหว่างการสอบสวนแล้ว เขายังถูกประณามอย่างกว้างขวางและในบางกรณีมีการข่มขู่ถึงเอาชีวิตอีกด้วย ตลอดเวลาครูใหญ่ปฏิเสธอย่างแข็งขันและแสดงความมั่นใจว่าเสียงในบันทึกนั้นเกิดจากการสร้างเสียงปลอมอันแนบเนียนขึ้นมาด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์
โรงเรียนมัธยมแห่งนั้นมีนักเรียนราว 900 คนและครูราว 60 คน จึงเป็นโรงเรียนขนาดกลางในสหรัฐ แต่เนื่องจากตั้งอยู่ในย่านชุมชนที่มีฐานะดี โรงเรียนจึงมีครูและผู้มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ อย่างครบถ้วน รวมทั้งด้านเทคโนโลยีร่วมสมัย
เนื่องจากการเหยียดผิวเป็นประเด็นสำคัญยิ่งในสังคมอเมริกันและการปฏิเสธอย่างแข็งขันของครูใหญ่มีผู้เห็นด้วย หลายฝ่ายจึงร่วมมือกันค้นหาความจริง เมื่อครูบางคนที่มีความสนใจในด้านการใช้เทคโนโลยีร่วมสมัยและคุ้นเคยกับเสียงของครูใหญ่และเสียงต่างๆ ในโรงเรียนฟังเสียงในบันทึกดังกล่าว
พวกเขาแน่ใจว่าไม่น่าจะเป็นเสียงของครูใหญ่ อีกทั้งยังขาดบางอย่างเป็นที่ประจักษ์ เช่น เสียงของคู่สนทนาและเสียงพื้นหลังที่สะท้อนเสียงต่างๆ ในโรงเรียน
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากหลายฝ่าย ทั้งในระดับตำรวจท้องถิ่นและระดับสำนักงานสอบสวนกลาง ช่วยกันสืบค้นหาต้นตอของแฟ้มเสียงนั้น ในบางกรณีมีการขออำนาจศาลสั่งให้บริษัทเอกชนเปิดเผยข้อมูล
หลังจากใช้เวลาราว 3 เดือน จึงสรุปได้ว่าต้นตอของปัญหาเป็นหัวหน้างานคนหนึ่งในโรงเรียนนั้นเอง เขามีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีร่วมสมัย และใช้ปัญญาประดิษฐ์สร้างเสียงปลอมอันแนบเนียนนั้นขึ้น
แรงจูงใจของเขาได้แก่ความไม่พอใจที่ครูใหญ่อาจไล่เขาออก เนื่องจากครูใหญ่จับได้ว่าเขาเอาเงินของโรงเรียนไปจ่ายให้เพื่อนคนหนึ่งโดยอ้างว่าจ้างมาช่วยทำงานด้านฝึกนักกีฬาฟุตบอลหญิง หลักฐานบ่งว่าเขาไม่ได้จ้างจริง ณ วันนี้ หัวหน้างานถูกจับดำเนินคดีแล้ว
เหตุการณ์นี้คงมองต่อได้จากหลายแง่มุม ในระดับบุคคล แม้จะโชคร้าย แต่ครูใหญ่ยังโชคดีที่ทางฝ่ายนายจ้างและรัฐบาลทุกระดับเอาจริงเอาจังกับการขุดค้นจนพบต้นตอของปัญหา แม้จะต้องทุ่มเทเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมากก็ตาม หากภาครัฐมักง่าย เขาคงเป็นฝ่ายรับบาปจนถึงขั้นถูกทำร้ายและถูกไล่ออกจากงาน
การให้ความสำคัญแก่ปัญหาและการมีทรัพยากรมากพอทำให้เรื่องจบลงด้วยดี หากเรื่องนี้เกิดในประเทศที่ไม่ค่อยมีทรัพยากรและภาครัฐมักง่าย ครูใหญ่คงโชคร้ายแต่ผู้เดียว
ในระดับสังคม การเหยียดผิวเป็นประเด็นที่สังคมอเมริกันให้ความสำคัญสูงมากหลังจากเคยขัดแย้งกันถึงขั้นทำสงครามกลางเมืองและเป็นเรื่องยืดเยื้อมาอีกราว 100 ปีหลังจากนั้น คนบางกลุ่มอาจยังรังเกียจผิวอยู่ลึกๆ แต่ถ้าแสดงความรู้สึกนั้นออกมาเพียงแค่คำพูด ทางภาครัฐจะจัดการทันที
จากมุมมองของเทคโนโลยี เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า เทคโนโลยีที่มนุษย์เราประดิษฐ์ขึ้นอาจมีประโยชน์มหาศาล แต่พร้อมกันมันมักนำโทษมหันต์มาด้วย โทษอาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือการขาดปัญญาของมนุษย์ว่าการใช้มันจะเกิดผลร้าย เช่น การใช้สารเคมีฆ่าหญ้าและการเผาถ่านหินเอาพลังงาน
ส่วนกรณีที่อ้างถึงเป็นโทษที่เกิดจากเจตนาร้ายในการใช้เทคโนโลยี โทษแบบนี้เกิดทันทีเมื่อมนุษย์ประดิษฐ์เครื่องมือง่ายๆ จำพวกหอกทำด้วยกิ่งไม้เพื่อใช้ในการแสวงหาอาหาร พร้อมกับการใช้มันเป็นอาวุธทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยจากเครื่องมือง่ายๆ ที่มองเห็นได้ด้วยตามาถึงเครื่องมือดิจิทัล มนุษย์เรายังใช้มันทำร้ายกันเช่นเดิมจึงตอกย้ำสัจธรรมที่ว่า
แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไป แต่นิสัยพื้นฐาน หรือสันดานของมนุษย์ยังคงเดิม