กสทช.ฟอร์มทีมร่วมปปง.-ธนาคารแก้ปัญหาซิมผี ล่าสุดบล็อคไปแล้ว 2.1 ล้านเบอร์
กสทช. ตั้งทีมร่วม ปปง.และธนาคารพาณิชย์ สางเบอร์โมบายแบงก์กิ้งแปลกปลอมและต้องสงสัย ระบุยอดล่าสุดระงับเบอร์ไม่ยืนยันตัวตนไปกว่า 2.1 ล้านเลขหมายแล้ว
วันนี้ (21 พ.ค.67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ เชิญประชุมคณะอนุกรรมการฯ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิมสังกาศ รอง เลขา ปปง., ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย, ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางตรวจสอบคัดกรองเบอร์โมบายแบงก์กิ้ง ที่ผูกกับบัญชีธนาคาร อันเป็นการส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยมีเป้าหมายให้ชื่อผู้จดทะเบียนเบอร์ซิมเลขหมายที่ขอเปิดใช้โมบายแบงก์กิ้ง และเจ้าของบัญชีธนาคาร ต้องเป็นของบุคคลคนเดียวกัน อันเป็นมาตรการต่อยอดจากประกาศ กสทช. ที่ให้ผู้ถือครองซิมเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ตั้งแต่ 6 เลขหมายขึ้นไป ยืนยันตนภายในกำหนด เพื่อสกัดปัญหาซิมผี และบัญชีม้า
พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า กสทช. ขานรับนโยบายรัฐบาล ตั้งทีมงานร่วม กสทช. ปปง. และ สถานบันทางการเงิน และ ธนาคาร รวมทั้งผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ สางเบอร์โมบายแบงก์กิ้งแปลกปลอมและต้องสงสัย ที่ชื่อผู้ถือครองไม่ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีธนาคาร เพื่อสกัดซิมผีบัญชีม้าในระบบการโอนเงินออนไลน์
โดยมีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้
1. ธนาคารจะเป็นผู้รวบรวมบัญชี (เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือ เลขหนังสือเดินทาง) พร้อมเบอร์โทร โมบายแบงก์กิ้งที่ผูกกับบัญชีธนาคาร ส่งให้ ปปง. ตามช่องทางที่กำหนด
2. ปปง. รับข้อมูลเลข ID ประจำตัว และเบอร์โมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เข้ารหัส แล้วเปิดช่องทางสื่อสารข้อมูลให้ กสทช.
3. กสทช. รับข้อมูลดังกล่าวจาก ปปง.นำเบอร์โมบายแบงก์กิ้งมาแยกเครือข่าย เพื่อส่งตรวจหารายชื่อผู้ถือครอง และตรวจเปรียบเทียบกับรายชื่อเจ้าของบัญชีว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ แล้วแจ้งผลให้ ปปง. และธนาคาร ทราบ
พล.ต.ต.เอกรักษ์ รองเลขา ปปง. กล่าวว่า หากผลการตรวจคัดกรองพบ ชื่อผู้ถือครองซิมการ์ดโมบายแบงก์กิ้งไม่ใช่เจ้าของบัญชี ปปง. และ ธนาคาร จะดำเนินการต่อโดยประชาสัมพันธ์แจ้งเจ้าของบัญชี ให้ดำเนินการเปลี่ยนไปใช้เบอร์ซิมการ์ดที่ตนเป็นเจ้าของ หรือเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองเบอร์เป็นชื่อตน ยกเว้นมีเหตุผลความจำเป็น เช่น เปิดโมบายแบงก์กิ้งให้บุตรหลานที่เป็นเด็กเยาวชน หรือบิดามารดาผู้สูงวัย เป็นต้น แต่หากเจ้าของบัญชีไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลง อาจพิจารณาระงับการใช้งานธนาคารออนไลน์ต่อไป
สำหรับกรณีขอเปิดใช้โมบายแบงก์กิ้งรายใหม่ ธนาคารต้องตรวจสอบชื่อเจ้าของบัญชีและเจ้าของเบอร์ต้องเป็นบุคคลคนเดียวกัน ในส่วนนี้ กสทช. ได้พัฒนาระบบให้ตรวจสอบได้โดยง่ายผ่านทาง แอปพลิเคชัน 3 ชั้น และบริการ *179*เลขบัตรประชาชน# โทรออก
อนึ่ง ในประชุมคณะอนุกรรมการฯ วันนี้ ยังได้มีการรายงานความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ถือครองซิมตั้งแต่ 6 หมายเลขขึ้นไป ตาม ประกาศ กสทช. โดย กลุ่มที่ 1 (6-100 หมายเลข) จะครบกำหนด 180 วัน ในวันที่ 13 ก.ค. 2567 ที่จะถึงนี้ ส่วน กลุ่มที่ 2 (101 หมายเลข ขึ้นไป) ซึ่งได้ครบกำหนดไป ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา จากข้อมูลล่าสุด กสทช. ได้ระงับซิมที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ไปแล้วถึง 2,137,465 เลขหมาย รวมทั้งซิมโมบายแบงก์กิ้งที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวด้วย
ในการนี้ กสทช. มุ่งกำจัดซิมผี ที่อยู่ในความครอบครองของมิจฉาชีพ โดยอาศัยอำนาจตามประกาศดังกล่าว ซึ่งไม่ต้องรอการแจ้งระงับจากพนักงานสอบสวน ที่มีขั้นตอนตามกฎหมายและต้องใช้เวลา ทั้งยังเป็นการช่วยกำจัดซิมผีในระบบธนาคารออนไลน์ไปในคราวเดียวกัน และหากกำหนดให้ เจ้าบัญชีธนาคารและเบอร์โมบายแบงก์กิ้งเป็นบุคคลคนเดียวกัน กลุ่มมิจฉาชีพจะทำงานได้ยากขึ้น ปัญหาเรื่องซิมผีบัญชีม้าก็จะหมดไปหรือลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
ระหว่างนี้ทาง สำนักงาน กสทช. จะร่วมกับโอปอเรเตอร์ ทยอยระงับเลขหมายที่ไม่มายืนยัน ตัวตนอย่างต่อเนื่อง จึงต้องประสานของความร่วมมือกับสมาคม และหน่วยงานต่างๆ ให้ช่วยแจ้งประชาสัมพันธ์ให้มายืนตัวตน ไม่เช่นนั้นจะถูกระงับการใช้งาน ขณะเดียวกันการทยอย ระงับเลขหมายต่อเนื่อง ก็เป็นการเสมือนแจ้งเตือนไปในตัว หากเลขหมายนั้นไม่สามารถใช้งานดาต้าได้ เจ้าชองเลขหมายก็จะต้องมาติดต่อกับผู็ให้บริการ ก็จะสามรถแจ้งให้ยืนยันตัวตนได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ที่ถือครองเลขหมายจำนวนตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย สามรถลงทะเบียนยืนยันตัวตนได้ถึงวันที่ 13 ก.ค.นี้ ซึ่งปัจจุบันมีการยืนยันตัวตนในกลุ่มนี้แล้วทั้งสิ้น 691,067 เลขหมาย จากจำนวนที่เข้าข่าย 3,981,251 เลขหมาย คงเหลือ 3,290,184 เลขหมายที่ยังไม่มายืนยันตน หากเลยระยะเวลาที่กำหนดจะเข้าสู่กระบวนการระงับบริการ ทำให้ ไม่สามารถโทรออก ส่งข้อความสั้น หรือใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งหากครบกำหนดแล้วนั้นจะมี การสรุปตัวเลข ทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง