กมธ.ไอซีทียันมีอำนาจสอบคุณสมบัติ 'นพ.สรณ' ชี้เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ
วุฒิสภาฯ ตอบชัดประธานวุฒิสภา และกมธ.ไอซีที มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 78 วรรคสอง (17) พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงว่าขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดกสทช.หรือไม่ หลังถูกเจ้าตัวโวยตั้งตัวเป็นศาลทำเกินขอบเขตอำนาจตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ วันที่ 28 ก.ย. 2566 นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ อดีตรองเลขาธิการ กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช. และ อดีตรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.
ได้ส่งหนังสือถึง ประธานวุฒิสภา โดยขอให้วุฒิสภาดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของ ศาสตราจารย์คลินิกนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ว่า เป็นไปตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯหรือไม่
ต่อมา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา หรือ กมธ.ไอซีที ได้ส่งเรื่องรายงานผลการพิจารณาและลงมติสรุปแล้วว่า
“ศาสตราจารย์คลินิกนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช. เข้าข่ายผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย หรือไม่ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 18 มาตรา 20 และมาตรา 26 ไปยัง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา”
เพื่อให้ประธานวุฒิสภานำเรียนต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้นำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง โดยหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุด ศาสตราจารย์คลินิกนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ถึงประธานวุฒิสภาเรื่องขอให้พิจารณายับยั้งและตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของประธานกรรมาธิการและคณะกรรมาธิการ การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และ การโทรคมนาคม วุฒิสภา
โดยระบุว่าข้อเท็จจริงที่กมธ.ไอซีที ได้ดำเนินการด้วยความไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม คือ ไม่มีกฎหมายใดที่ให้อำนาจที่คณะกรรมาธิการฯ ในการตรวจสอบคุณสมบัติข้าพเจ้า ในลักษณะเป็นการปฏิบัติหน้าที่เสมือนเป็นศาล หรือ เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา หรือ ผู้บังคับใช้กฎหมายที่มีหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน พิจารณาวินิจฉัยตัดสินชี้ขาดเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ. 2533 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 18 มาตรา 20 และ มาตรา 26