15 ปีข้างหน้า ‘Gen AI’ ปลุกเศรษฐกิจเอเชียทะลุ 4.5 ล้านล้านดอลล์
‘เอคเซนเชอร์’ ประเมิน “เจเนอเรทีฟ เอไอ” ตัวเร่งธุรกิจต้องปรับตัวเร็วขึ้น คาดปลุกมูลค่าเศรษฐกิจเอเชียทะลุ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 15 ปีข้างหน้าหากใช้งานอย่างรับผิดชอบ มอง "ตลาดทุน ธนาคาร ประกัน ค้าปลีก" ถูกผลกระทบเอไอมากสุด แนะเร่งลงทุนเอไอพร้อมพัฒนาคน
KEY
POINTS
- เอคเซนเชอร์ ชี้นำ Gen AI มาใช้อย่างรับผิดชอบ ปลุกมูลค่าเศรษฐกิจมากขึ้นถึงสองเท่า
- คาดปลุกมูลค่าเศรษฐกิจเอเชียพุ่ง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์อีก 15 ปีข้างหน้าหากใช้อย่างรับผิดชอบ
- เปิดสถิติ 96% ของผู้บริหารในเอเชียแปซิฟิก ตระหนักดี Gen AI จะส่งผลกระทบมีนัยสำคัญ
- 89% ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกมีแผนเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี Gen AI ในปีนี้
- "ตลาดทุน ธนาคาร ประกัน ค้าปลีก" ถูกผลกระทบเอไอมากสุด แนะเร่งลงทุนเอไอพร้อมพัฒนาคน
‘เอคเซนเชอร์’ ประเมิน “เจเนอเรทีฟ เอไอ” ตัวเร่งธุรกิจต้องปรับตัวเร็วขึ้น คาดปลุกมูลค่าเศรษฐกิจเอเชียทะลุ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 15 ปีข้างหน้าหากใช้งานอย่างรับผิดชอบ เปิดสถิติพบ 89% ธุรกิจในเอเชียมีแผนเพิ่มลงทุน เจนเอไอภายในปีนี้ ขณะที่ "ตลาดทุน ธนาคาร ประกัน ค้าปลีก" ถูกผลกระทบเอไอมากสุด แนะเร่งลงทุนเอไอพร้อมพัฒนาคน
เอคเซนเชอร์ เปิดงานวิจัยล่าสุด พบ Generative AI มีศักยภาพผลักดันมูลค่าเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เพิ่มขึ้นได้อีก 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับจีดีพีที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ต่อปีในช่วง 15 ปีข้างหน้าหากองค์กรเลือกนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ด้วยความรับผิดชอบในวงกว้าง และให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นหลัก
งานวิจัยของเอคเซนเชอร์ ชี้ว่า การนำ Gen AI มาใช้อย่างรับผิดชอบ จะช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจมากขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับการใช้ Gen AI โดยที่ไม่ได้ลงทุน หรือให้ความสำคัญกับบุคลากรและกระบวนการทำงานอย่างเหมาะสม
89% ธุรกิจเอเชียเพิ่มลงทุนเจนเอไอ
ข้อค้นพบสำคัญจากงานวิจัยชิ้นนี้ ได้แก่ 33% ของชั่วโมงทำงานในเอเชียแปซิฟิก จะเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติหรือให้ Generative AI ช่วยทำงานเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ จึงส่งผลกระทบต่อชั่วโมงทำงาน ซึ่งบุคลากรในออสเตรเลียและญี่ปุ่น จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ประมาณ 45% และ 44% ตามลำดับ ตามมาด้วยจีน (33%) และอินเดีย (31%)
ขณะที่ 96% ของผู้บริหารในเอเชียแปซิฟิก ตระหนักดีว่า Gen AI จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่ง 91% ของคนทำงานในภูมิภาคนี้ ระบุว่า มีความพร้อมเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อทำงานร่วมกับ Gen AI อย่างไรก็ดี มีเพียง 4% ของผู้บริหารเท่านั้น ที่ได้เริ่มฝึกทักษะพนักงานในการทำงานร่วมกับ Gen AI อย่างเต็มพิกัด
อีกผลสำรวจที่ออกมาคล้ายกัน คือ 89% ธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกมีแผนเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี Gen AI ในปีนี้ แต่ก็มีเพียง 35% ของธุรกิจเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างกำลังคน
ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ตลาดทุน เพราะ Gen AI จะส่งผลให้ชั่วโมงทำงานเปลี่ยนไปเกือบสามในสี่ (71%) ส่วนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม จะได้รับผลกระทบสองในสาม (66%) จากการที่ระบบทำงานได้โดยอัตโนมัติหรือให้เครื่องช่วยทำงาน อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรองลงมาคือ ธนาคาร (64%) ประกัน (62%) และค้าปลีก (49%)
‘ไทย’ศักยภาพสูงดึงเอไอสร้างเติบโต
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า Generative AI เป็นตัวเร่งให้ธุรกิจต้องปรับตัวเร็วขึ้นในด้านการใช้ข้อมูลและ AI ซึ่งการจะใช้ประโยชน์จาก AI ให้เต็มศักยภาพฃผู้บริหารองค์กรต้องมองว่า AI เป็นได้มากกว่าเครื่องมือช่วยออกแบบกระบวนการทำงาน และบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และมอง AI ในแง่โอกาสสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ ผู้คน และสังคมโดยรวม
“ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีทรัพยากรบุคคลที่หลากหลาย และมีพลวัต จึงมีโอกาสสูงในการนำ AI มาใช้โดยยึดผู้คนเป็นศูนย์กลางและด้วยความรับผิดชอบ ช่วยยกระดับประสิทธิภาพและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน การที่เอคเซนเชอร์ลงทุนด้านบุคลากรและบูรณาการการใช้ Generative AI อย่างรับผิดชอบในกระบวนการทำงาน ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างระดับโลกของการพัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน”
นายวิเว็ก ลูทรา ผู้อำนวยการฝ่ายดาต้าและ AI ของ Accenture Growth Markets กล่าวว่า การนำ Generative AI ไปใช้ในวงกว้าง สามารถปรับโฉมระบบการทำงานต่างๆ ในอุตสาหกรรมได้เกือบหมด กุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกไปสู่มูลค่าอีกมหาศาลขึ้นอยู่กับการพัฒนาทักษะ
"การจะใช้ Gen AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ ผู้บริหารจะต้องโฟกัสไปไกลกว่าตัวงานและภารกิจที่ต้องทำ การใช้ Gen AI ควรมองไปในระยะยาว โฟกัสที่คน และต้องลงทุนใน Gen AI ไปพร้อมกับการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคลากรที่สอดคล้องกัน องค์กรต้องลงทุนปรับเปลี่ยนระบบงาน โฟลว์การทำงาน และกำลังคน ให้พวกเขาสามารถปรับวิธีการทำงานและประสบความสำเร็จในยุค AI ได้”
แนะธุรกิจเร่งปรับกระบวนท่า
ทั้งนี้ เอคเซนเชอร์ แนะธุรกิจให้เร่งปรับกระบวนท่าเพื่อให้สามารถใช้ศักยภาพของ Gen AI ได้เต็มประสิทธิภาพ เช่น มีบทบาทนำและเรียนรู้แนวทางใหม่ๆ ซึ่งการนำองค์กรสู่อนาคตด้วย Gen AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับความเชื่อมั่นและไว้ใจ ผู้บริหารต้องมีส่วนร่วมและมีบทบาทเป็นผู้นำที่ต่างจากเดิม ท้าทายมุมมองเดิมๆ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ที่สำคัญ คือ ผู้นำต้องซึมซับกับเทคโนโลยี และทำให้การเรียนรู้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน
ขณะเดียวกัน ควรเร่งปรับโฉมวิธีทำงาน เมื่อผู้บริหารคิดใหม่ทำใหม่กับกระบวนการทำงานทั้งระบบ จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า Gen AI จะเข้าไปมีบทบาทสำคัญที่สุดได้ที่ตรงไหน ถึงจะสอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ ยกระดับประสิทธิภาพและผลักดันนวัตกรรมให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร รวมถึงปรับการทำงานที่เป็นแบบเดียวเหมือนกันหมด ให้เป็นแนวทางใหม่ที่มีความหมายและยั่งยืนมากกว่าเดิม เมื่อทำจุดนี้สำเร็จได้ ผู้บริหารจะสามารถปรับโฟกัสและปรับการทำงาน ให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น สนับสนุนบุคลากรมากขึ้น และนำองค์กรให้สำเร็จได้ตามเป้า
อีกสิ่งที่สำคัญ คือ การปรับทัพกำลังคน โดยการเปลี่ยนวิธีการทำงานที่ต้องมีบุคลากรที่มีพลังและยืดหยุ่นสูงด้วย องค์กรจึงต้องให้ความสำคัญกับการปรับทัพทาเลนต์ผู้มีความสามารถต่อเนื่อง ยิ่งใช้เทคโนโลยีมากขึ้น องค์กรก็ต้องใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและเทคโนโลยีให้เต็มประสิทธิภาพ เช่น การจัดทักษะให้เข้ากับงาน (skill mapping) ที่จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความราบรื่น จากหน้าที่งานที่มีบทบาทน้อย ไปสู่หน้าที่ที่มีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งเมื่อปรับเปลี่ยนงานและหน้าที่แล้ว ประสิทธิภาพโดยรวมจะเพิ่มขึ้น องค์กรจะมีเวลาและมีทาเลนต์มาจัดการงานที่ให้มูลค่าสูงขึ้นได้
รวมถึงเรื่องเตรียมความพร้อมให้บุคลากร เมื่อองค์กรลงทุนช่วยให้บุคลากรเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นสำหรับสภาพตลาดในปัจจุบัน และมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีทำงาน ก็ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับซอฟต์สกิลด้วย
นอกจากนี้ องค์กรอาจปรับใช้แนวทางการ “สอนเพื่อเรียนรู้” (teach-to-learn) เพื่อให้บุคลากรสามารถสอนหรือเทรนเครื่องมือทางเทคโนโลยีได้ แต่ระหว่างนั้น ผู้บริหารก็ต้องรับฟังและให้พนักงานมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้ใจระหว่างกัน