ดีอี ดึง Big Data -AI เชื่อมข้อมูลสุขภาพ ช่วยผู้ป่วยเข้ารับบริการได้ทั่วถึง
หนุน BDI โชว์ความสำเร็จของโครงการ Health Link และภาคีเครือข่าย ผลักดันการพัฒนาแพลตฟอร์มบูรณาการข้อมูลเข้าสู่แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ ยังได้ร่วมมือกับ สปสช. ในการนำเทคโนโลยี Big Data และ AI มาวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อส่งเสริมสุขภาพประชาชน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่าย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงความคืบหน้าโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลทั่วประเทศ (Health Information Exchange: Health Link) ว่า ดีอี ได้เดินหน้าทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานคร และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
เพื่อผลักดันการพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ Health Link เข้าสู่แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ นำไปสู่การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลอย่างยั่งยืน มุ่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและปลอดภัย
โดยปัจจุบัน Health Link ได้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพให้กับหน่วยบริการสาธารณสุขเกือบ 500 แห่ง แบ่งเป็นภาครัฐ 50% และภาคเอกชน 50% ทั้งนี้ ในส่วนภาคเอกชนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิที่ประกอบด้วย คลินิกและร้านยาคุณภาพ ที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. สามารถเข้ารับบริการดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ (Common Illnesses) ได้อย่างสะดวก ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล สามารถเข้ารับบริการจากหน่วยบริการใกล้บ้าน โดยได้มีการนำร่องแล้วในพื้นที่กทม. และจังหวัดนครราชสีมา
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับ สปสช. ในการนำเทคโนโลยี Big Data และปัญญาประดิษฐ์ AI มาวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อส่งเสริมสุขภาพประชาชน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่าย โดยเป้าหมายในอนาคตของกระทรวงดีอี มีความตั้งใจที่จะขยายการเชื่อมโยงไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และหน่วยบริการในท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการมากขึ้น เพิ่มความรวดเร็วในการรักษา ลดความซ้ำซ้อนในการเบิกจ่ายยา และช่วยเหลือชีวิตของผู้ป่วยได้ทันท่วงที ยกระดับระบบสาธารณสุขไทยได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ จากความสำเร็จของโครงการ Health Link ในวันนี้ กระทรวงดีอีพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของ BDI และภาคีเครือข่าย โดยจะผลักดันการพัฒนาแพลตฟอร์มบูรณาการข้อมูลเข้าสู่แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ นำไปสู่แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลอย่างยั่งยืน
ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) กล่าวว่า BDI ได้ดำเนินการพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้เป็นต้นแบบการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพทุกระดับตั้งแต่ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ พร้อมขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ปัจจุบันมีสถานพยาบาลเข้าร่วมโครงการ Health Link เกือบ 500 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สังกัดกระทรวงกลาโหม โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเอกชน คลินิกชุมชนอบอุ่น และร้านยาคุณภาพ
นอกจากนี้ BDI ยังได้มีการพัฒนาระบบให้ความยินยอมรายครั้งด้วยรหัส OTP ในพื้นที่ กทม. สำหรับประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟนให้สามารถเข้าถึงบริการได้ โดยระบบ OTP ที่ทาง BDI นำมาใช้จะมีความปลอดภัย ประชาชนต้องอยู่ที่จุดบริการสาธารณสุขเท่านั้น รวมทั้งได้ร่วมมือกับ สปสช. จัดทำแดชบอร์ดตรวจสุขภาพเพื่อประกอบการวางนโยบายสาธารณสุข เสริมศักยภาพหน่วยบริการในการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเตรียมขยายการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังผู้ให้บริการทางการแพทย์ (Medical Providers) วิชาชีพอื่น ๆ ได้แก่ ทันตกรรม เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด และแพทย์แผนไทย ให้ครอบคลุมการบริการสุขภาพในพื้นที่ กทม. ภายในปลายปีนี้ เพื่อรองรับนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่