คนไทยฮิตใช้ AI ยิ่งรายได้สูง ยิ่งใช้มาก
"บีบีดีโอ กรุงเทพ" เปิดผลสำรวจเจาะลึกความคิดเห็นผู้บริโภคไทย และพฤติกรรมการใช้ AI พบกินสัดส่วนไปแล้วกว่า 70% ยิ่งรายได้สูง ยิ่งใช้เยอะ "กูเกิล" ยืนหนึ่งแบรนด์ที่นึกถึง
บีบีดีโอ กรุงเทพ (BBDO Bangkok) เผยผลสำรวจเจาะลึกความคิดเห็นผู้บริโภคไทย และพฤติกรรมการใช้ AI จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 400 คนในกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ
ผลสำรวจ การใช้ AI ของคนไทยในปัจจุบันพบว่า คนไทย 73.84% ได้ใช้ประโยชน์จาก AI ในชีวิต ด้วยเหตุผลว่า AI ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ช่วยประหยัดเวลา และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น
ที่น่าสนใจ คนที่มีรายได้น้อยกว่า 25,000 บาท มีแนวโน้มที่จะใช้ประโยชน์จาก AI น้อยกว่าคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังมีคนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก AI อีกกว่า 25% โดยพบว่า เหตุผลของผู้ชาย และผู้หญิงที่ไม่ใช้ AI นั้นแตกต่างกันไป โดยเพศหญิงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเป็นเหตุผลหลัก 44.23% ในขณะที่เพศชายกังวลเรื่อง AI มีราคาที่สูงเกิน 32%
สำหรับ พฤติกรรมการใช้ AI ในแต่ละเจน พบว่าแต่ละเจเนอเรชันมีเรื่องให้ใช้ AI ที่แตกต่างกันไป กลุ่ม Gen-Z และ Gen-Y ใช้ AI กับการทำงานมากที่สุด (37.5% และ 35.5%)
ขณะที่ Gen-X ใช้ AI กับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งที่ 35.2% เช่น เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า หรือการตรวจจับอุบัติเหตุในบ้าน ส่วน Gen-X ยังมีการใช้ AI เพื่อสุขภาพ และการแพทย์เพิ่มเข้ามาใน 3 อันดับแรกอีกด้วย
เมื่อพูดถึง แบรนด์ และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI กูเกิล, Chat GPT และซัมซุง ครองสามอันดับแบรนด์แรกที่ผู้บริโภคไทยนึกถึง เมื่อพูดถึง AI ตามมาด้วย แอปเปิ้ล และไมโครซอฟท์ ตามลำดับ
กูเกิล นับเป็น แบรนด์ที่คนไทยรู้จัก และคุ้นชินเป็นอย่างดี โดยอัลกอริทึมของเสิร์ชที่ผู้คนใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ AI ในการประมวลผลเพื่อผลลัพธ์การค้นหาที่ตรงตามความต้องการ และใกล้เคียงมากที่สุด และหลังจากเปิดตัว Gemini ยังได้มีการนำ AI มาใช้ในบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Maps, Gmail, Google Workspace หรือ Google Meet ด้วยเช่นกัน
Chat GPT หรือ AI Chatbot ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากค่าย Open AI และล่าสุดได้สร้างเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัว Chat GPT-4o โมเดลใหม่ล่าสุดที่ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น พร้อมเข้าใจ และโต้ตอบกับมนุษย์ได้ทั้งข้อความ ภาพ และเสียงแบบเรียลไทม์ซัมซุง เปิดตัว Galaxy AI ที่อยู่ในสมาร์ตโฟน พร้อมฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่างการแปลภาษาแบบเรียลไทม์หรือลบคนออกจากภาพ นอกจากสมาร์ตโฟนแล้ว เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านก็ไม่น้อยหน้ามีการนำ AI มาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยเช่นกัน
ส่วนของข้อกังวลใจต่อ AI ในปัจจุบัน และอนาคต พบว่า กว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม สนับสนุนการมีอยู่ และการพัฒนา AI และมองว่า AI จะมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตอย่างมากในอนาคต 5 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ข้อกังวลใจต่อการใช้ AI คนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยความกังวลต่อ AI ว่าจะมีราคาสูงเกินไปทำให้เกิดการเข้าไม่ถึงในคนบางกลุ่ม และการที่ AI จะสามารถเข้ามาทดแทน และแย่งงานมนุษย์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์