เจาะวิสัยทัศน์ 'Facebook' ยุคใหม่ ดึงพลัง AI ครองใจนิวเจนทั่วโลก
“เมตา"(Meta) โชว์วิชัน “Future of Facebook 2024” มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ดึงพลัง AI ยกระดับผลิตภัณฑ์ บริการ เปิดทางผู้ใช้งาน ครีเอเตอร์ แบรนด์ สร้างรายได้ ตั้งเป้าอีกไม่เกิน 2 ปี มีเทคโนโลยีแนะนำเนื้อหาที่ดีที่สุดในโลก
“Facebook” ยังคงเป็นเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ใช้งานแอคทีฟทั่วโลกกว่า 3 พันล้านคนต่อเดือน ที่ผ่านมาเผชิญความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้ใช้งานที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางโซเชียลเน็ตเวิร์คคู่แข่งที่มีรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่าง และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ส่วนในประเทศไทย เฟซบุ๊ก ยังเป็นโซเชียลฯ ที่ถูกใช้งานมากที่สุด คิดเป็น 91.5% ของประชากรกลุ่มตัวอย่างอายุระหว่าง 16-64 ปี
ทอม อลิสัน รองประธานของ เฟซบุ๊ก จาก Meta แสดงวิสัยทัศน์ “Future of Facebook 2024” ว่า แนวทางการสร้างการเติบโตของเฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยุคต่อไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young adults) และการพัฒนาความสามารถใหม่ๆ ของผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ มุ่งโฟกัสไปที่สองทิศทางหลักในการผลักดันให้แพลตฟอร์มเดินหน้าไปสู่อีกก้าวของความสำเร็จในอนาคตคือ การสร้างโซเชียลมีเดียยุคใหม่สำหรับคนรุ่นใหม่ และการพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้วย AI
ด้านจุดยืนของเฟซบุ๊ก ยังคงเป็นพื้นที่สำหรับการค้นพบทางโซเชียล ที่เปิดโลกทั้งในมุมเล็ก และมุมใหญ่ ขณะเดียวกันเป็นพื้นที่โซเชียลที่ช่วยให้ผู้คนค้นพบสิ่งต่างๆ
เฟซบุ๊ก ตระหนักดีว่าพฤติกรรมในการค้นหา และค้นพบของผู้คนในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องมีความสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้โซเชียลมีเดียรุ่นใหม่ จึงได้กำหนดสองทิศทางหลักดังกล่าวเพื่อการพัฒนาสู่อนาคตใน 20 ปีข้างหน้า
“แนวทางสร้างการเติบโตของเรา มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจนแซด ทั้งกับผู้ใช้งานทั่วไป ครีเอเตอร์ แบรนด์ ผู้ประกอบการ สร้างทางเลือก และโอกาสทางเศรษฐกิจ พร้อมสร้างรายได้ในหลากหลายรูปแบบ”
ปรับใหญ่ เจาะคนรุ่นใหม่
เขากล่าวว่า เฟซบุ๊กยังคงเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน แต่เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภคยุคโซเชียล ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยคำนึงถึงความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นหลัก
ปัจจุบัน กลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามหาวิทยาลัย การทำงานที่แรก การพบปะเพื่อนใหม่ หรือการไปท่องเที่ยวสำรวจเมืองใหม่ๆ เฟซบุ๊กจะช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ด้วยดี
ไม่ว่าจะเป็นการหา “กลุ่ม” ที่มีใจรักในสิ่งเดียวกัน การค้นหาสิ่งที่พวกเขาสนใจผ่าน Reels หรือการค้นพบครีเอเตอร์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา
สำหรับปี 2567 มีการอัปเดตผลิตภัณฑ์พร้อมการขยายความสามารถของ AI อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรดเทคโนโลยีการจัดอันดับ Reels และฟีด เพื่อมอบการแนะนำเนื้อหาที่ตรงใจผู้ใช้ยิ่งขึ้น, คิดค้นการจัดโครงสร้างโมเดลใหม่ ที่สามารถเรียนรู้จากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของ Facebook Reels ในการทดลองใช้งานได้อย่างมาก
คาดว่าในอีกประมาณหนึ่งปีข้างหน้าเทคโนโลยีการแนะนำขั้นสูงนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมถึงอีโคซิสเต็มของวิดีโอ และคำแนะนำใน Feed ทั้งหมด
นอกจากนี้ กำลังสร้างหนึ่งในคอลเลกชันสำหรับ Open Model เครื่องมือต่างๆ และทรัพยากรสำหรับ Generative AI ที่ดีที่สุดด้วย Meta Llama
“เรามีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องกับ Meta AI โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปี 2569 เฟซบุ๊กจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีเทคโนโลยีในการแนะนำเนื้อหาแก่ผู้ใช้ที่ดีที่สุดในโลก”
‘วิดีโอ’ คอนเทนต์ทรงอิทธิพล
ส่วนของการพัฒนาประสบการณ์รับชมวิดีโอ ได้พัฒนาขั้นตอนในการค้นหา และเชื่อมต่อกับเนื้อหาวิดีโอที่ผู้ใช้สนใจให้ง่ายขึ้น ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะอยู่ในรูปแบบของ Reel วิดีโอยาว หรือคอนเทนต์แบบไลฟ์
เฟซบุ๊ก เผยว่า เนื้อหาวิดีโอยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องบนแพลตฟอร์ม โดยในปัจจุบันกว่า 60% ของเวลาที่ผู้คนใช้บนเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมมาจากการรับชมวิดีโอทั้งสิ้น ซึ่งคอนเทนต์วิดีโอสั้น Reels มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงประสบการณ์การรับชมวิดีโอบนเฟซบุ๊ก ด้วยการอัปเดตการเล่นวิดีโอแบบเต็มจอ และฟีเจอร์ที่ช่วยเลื่อนไปยังเนื้อหาที่ต้องการสำหรับวิดีโอยาว ทั้งผู้ใช้สามารถส่งคอนเทนต์วิดีโอให้กับเพื่อนฝูง และครอบครัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อบนภายในแพลตฟอร์มหรือข้ามแพลตฟอร์มไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ
จากสถิติการใช้งานพบด้วยว่า พฤติกรรมการแชร์แบบส่วนตัวเพิ่มขึ้น โดยพฤติกรรมดังกล่าวเติบโตขึ้นกว่า 80% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
เปิดช่องการเติบโต ‘ครีเอเตอร์’
อลิสันเผยว่า เฟซบุ๊กได้เปิดโอกาสในการเติบให้กับครีเอเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครก็ตามสามารถผันตัวเป็นครีเอเตอร์ และได้รับค่าตอบแทนจากแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น
เช่นฟีเจอร์ “Professional Mode” ที่มีการพัฒนามาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ถูกออกแบบขึ้นมาสำหรับผู้ที่ต้องการโพสต์เนื้อหาแบบสาธารณะ และต้องการเพิ่มยอดผู้ติดตาม จากสถิติพบด้วยว่า Professional Mode เติบโตอย่างรวดเร็ว มียอดผู้ใช้งาน 100 ล้านคนต่อวันภายใน 18 เดือน
นอกจากนี้ พัฒนาโมเดลการจ่ายเงินให้กับครีเอเตอร์โดยพิจารณาจากประสิทธิภาพของคอนเทนต์บนเฟซบุ๊กของพวกเขา ซึ่งช่วยให้การสร้างรายได้ของครีเอเตอร์เป็นเรื่องง่ายขึ้น อีกทั้งยังขยายโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมสำหรับคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความ
ต่อยอดจุดแข็ง 'กลุ่ม' คอมมูนิตี้
ส่วนของ “กลุ่มบนเฟซบุ๊ก” ยังคงมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 1.8 พันล้านคนมีส่วนร่วมกับกลุ่มบนเฟซบุ๊กในแต่ละเดือน
พบด้วยว่า ผู้ใช้รุ่นใหม่โพสต์ในกลุ่มบนเฟซบุ๊กมากขึ้น โดยมักเป็นการโพสต์แบบไม่ระบุตัวตน ในกลุ่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ
หลังจากนี้ Meta ยังคงมุ่งพัฒนาเฟซบุ๊กไปในทิศทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาจากโซเชียลมีเดีย นั่นคือการค้นพบบนโลกโซเชียลที่ช่วยเปิดโลกกว้างในรูปแบบที่หลากหลาย
รวมไปถึง การพัฒนาฟีเจอร์ที่แปลกใหม่เพื่อช่วยให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมกับสิ่งที่พวกเขาค้นพบในแบบที่พวกเขาต้องการ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยหนึ่งในเทคโนโลยี AI ที่ดีที่สุดในโลก
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์