เปิดไอเดีย ‘นิวเจน’ ถึงเวลาปฏิรูป ‘Digital Wellness Lifestyle’ คนไทย
โลกดิจิทัลวันนี้ “อยู่ยาก” แม้มีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงและอันตราย เป็นดาบสองคมที่หากใครไม่แข็งแรงหรือรับมือได้ดีพอก็มีโอกาสพลาดพลั้ง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ หรือตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีได้...
หลังประสบความสำเร็จในปีแรกและต่อยอดสู่ปีที่ 2 สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (เอ็ตด้า) ผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์อย่าง มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย, เทใจดอทคอม, มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย และ บริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (Dek-D)
เดินหน้าภารกิจกระตุกสังคมผ่านโครงการ “EDC Pitching Season 2” กับธีม “Digital Wellness Lifestyle” ประชันสุดยอดแคมเปญ เพื่อการใช้ชีวิตออนไลน์อย่างเหมาะสม พอดีและมีสติ สามารถเฟ้นหาสุดยอดไอเดียที่น่าสนใจมาได้ถึง 3 ไอเดียดังนี้
‘Play Spirit’ ชวนพักหน้าจอ
แคมเปญ “Play Spirit: Happy Clear Screen" จากทีม Play Spirit ชวนพักหน้าจอ สู่แอนิเมชันและกิจกรรมออฟไลน์ ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้าเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตรไปครอง
หนึ่งในสมาชิกทีม Play Spirit เล่าที่มาของไอเดียว่า จากธีมการแข่งขัน Digital Wellness Lifestyle จึงตั้งใจส่งต่อไอเดียที่ตอบโจทย์ ใน 2 ส่วนคือ Screen time และ Digital Detox กับไอเดียชวนเด็กๆ ให้พักหน้าจอแล้วมาสนุกกับกิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อพัฒนาสมองและร่างกาย ผ่านการสื่อสารด้วย Animatic Video ที่เด็กให้ความสนใจ และกิจกรรม School Tour เพื่อให้ความรู้และจัดกิจกรรมสำหรับพวกเขา ตลอดจนมอบความรู้แก่ครูผู้สอนและผู้ปกครองเพื่อนำไปปรับใช้ในการดูแลเด็กๆ ได้อย่างเหมาะสม
จากความเชี่ยวชาญของสมาชิกทั้ง 3 คน ในบทบาทคุณครู ณ สตูดิโอสอนดนตรีและศิลปะ ยิ่งทำให้สามารถใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญที่คุ้นเคยมาประยุกต์เป็นไอเดียต่อยอดสู่ชิ้นงานดังกล่าว ซึ่งต้องให้คำปรึกษาแก่เหล่าผู้ปกครองในประเด็นเด็กๆ ติดเกม ติดมือถืออยู่บ่อยครั้ง
“แคมเปญนี้ เราอยากเปลี่ยนให้พ่อแม่สามารถดึงเด็กๆ ออกห่างหน้าจอสู่กิจกรรมออฟไลน์ที่ได้ใกล้ชิดมองหน้ากัน ได้ความสนุกสนานแล้วสามารถนำไปใช้จริง การใช้ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ได้ไม่ว่าจะวัยเด็กหรือผู้ใหญ่ รวมถึงชีวิตบนโลกดิจิทัลที่ควรใช้แต่พอดี มั่นใจว่าไอเดียนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงและมีประสิทธิภาพมากพอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมได้”
กันน๊อค ล๊อคอินใจ
ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัล 40,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ แคมเปญ "กันน๊อค ล๊อคอินใจ" จากทีม MANTA RAY ลดใช้ออนไลน์เกินจำเป็น
ตัวแทนทีม MANTA RAY อธิบายว่า ไอเดียสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ถือเป็น Digital Detox ที่สมาชิกในวัยทำงานทั้ง 2 คน เห็นตรงกันว่าเกิดขึ้นได้จริงและเข้าใจได้ง่าย มุ่งเน้นการลดใช้ออนไลน์เกินความจำเป็นซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจโดยเฉพาะกลุ่มอาชีพไรเดอร์
ที่มาของไอเดียคือ ใช้บริการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชันบ่อยๆ จึงได้พบกับไรเดอร์อยู่เป็นประจำ และรู้สึกว่าอาชีพไรเดอร์เป็นกลุ่มคนที่อยู่กับหน้าจอตลอดทั้งเวลาทำงานและพักจากงาน จึงอยากแก้ปัญหานี้ มองว่าบอกให้ทุกคนเลิกใช้งานไม่ได้แต่สามารถทำให้อยู่กับสิ่งนั้นได้และอยู่ได้อย่างดี
แบ่งเป็น 4 กิจกรรม คือ 1.กิจกรรมไลฟ์สด ร่วมกับสหภาพไรเดอร์โดยการใช้เฟซบุ๊ก แฟนเพจ และมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต สุขภาพกาย และอินฟลูเอนเซอร์ในกลุ่มไรเดอร์ มาสร้างคอนเทนต์ 2.สร้างเฟซบุ๊ก แฟนเพจ และติ๊กต๊อก เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบคลิปสั้น สร้างการรับรู้
ขณะที่ 3.เปิดไลน์ โอเพนแชท รวมพลไรเดอร์เพื่อรับฟังปัญหา และต่อยอดสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ 4.จัดทำสติกเกอร์ สำหรับติดที่รถจักรยานยนต์ หรือกระเป๋าส่งของ เป็นอีกหนึ่งช่องทางเพิ่มการรับรู้ ที่วางแผนไว้จะเริ่มที่ กทม เชียงใหม่ หาดใหญ่ และขอนแก่น
ติดตามหน้าจอ ท้าทายใจ
“Your mind” จากทีมนางฟ้านางสวรรค์ แอปติดตามการใช้หน้าจอ ท้าทายใจด้วย Challenge & Reward คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร
ทีมนางฟ้านางสวรรค์ เจ้าของผลงาน เล่าว่า จุดเริ่มต้นไอเดียเข้าแข่งขันของ 2 เพื่อนซี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เพิ่งแยกย้ายไปสู่บทบาทใหม่ First jobber รู้สึกอยากเติมไฟให้การใช้ชีวิตได้ตื่นตัวไปกับความท้าทายจากการแข่งขัน จึงกลายเป็นไอเดียพัฒนาแอป Your mind ที่จะตอบโจทย์ในเรื่องของ Screen time ลดการใช้งานหน้าจอ
โดยวางเป้าหมายเป็นกลุ่มอายุ 25-40 ปี ซึ่งถือเป็นวัยทำงานและเป็นกลุ่มผู้ปกครอง เพื่อให้เป็นต้นแบบและปลูกฝังการพักหน้าจอสู่เยาวชนต่อไป
มองว่ายุคนี้ไม่มีใครปฏิเสธการใช้งานหน้าจอได้ ชีวิตประจำวันล้วนผูกพันอยู่กับหน้าจอโดยตลอด ดังนั้นอยากให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ง่ายต่อชีวิตมากขึ้น โดยมีเครื่องมือเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งแอปมาพร้อมแนวคิด 3R คือ Reduce หยุดพักการใช้หน้าจอ Reconnect พักจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ Relive รักตัวเองมากขึ้น พร้อมมีฟีเจอร์ที่กระตุ้นให้ผู้ใช้งานต้องผ่าน Challenge เพื่อรับราววัล ขณะเดียวกันมีฟีเจอร์ประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นประจำวันที่สามารถแชร์ลงโซเชียลมีเดียได้
ไอเดียจากทั้ง 3 ทีมล้วนแสดงให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องเปลี่ยนวิถีและใส่ใจกับ Digital Wellness Lifestyle มากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยยุคใหม่ ที่เท่าทันเทคโนโลยี รู้จักใช้ รู้จักประโยชน์ พร้อมสร้างโอกาสให้กับตนเองได้อย่างแท้จริง