'กสทช.' จุดพลุคอนเวอร์เจนท์ภาคพื้นดิน-อวกาศ หนุนสร้างฉากทัศน์ระบบนิเวศ
สำนักงาน กสทช. เวิร์กช้อปจัด การสร้างความร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศของเทคโนโลยี Non-Terrestrial Network (NTN) หวังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ การสร้างความร่วมมือภาคพื้นดิน-อวกาศ รวมทั้งชูบทบาทองค์กร กสทช. และแนวทางการกำกับดูแลและส่งเสริมการพัฒนาของเทคโนโลยี
นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) กล่าวว่า การสร้างระบบนิเวศของเทคโนโลยี Non-Terrestrial Network (NTN) ถือเป็นก้าวสำคัญของสำนักงาน กสทช. ในการกำหนดนโยบายและเตรียมตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเทคโนโลยี Non-Terrestrial Network หรือเครือข่ายเหนือพื้นโลก ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและดาวเทียม นับเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดการสร้างรายได้มหาศาลผ่านบริการทั้งในอวกาศและกิจการโทรคมนาคม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กิจการดาวเทียมและเครือข่ายภาคพื้นดินดำเนินการแยกกัน แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกำลังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์นี้ การเพิ่มขึ้นของกลุ่มดาวเทียมส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมอวกาศทั้งต้นทุนที่ต่ำและบริการบรอดแบนด์ที่มีความหน่วงต่ำ ทำให้เทคโนโลยีบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมจะเข้ามาเป็นบริการเสริมเครือข่ายมือถือภาคพื้นดินแบบดั้งเดิม
โดยเมื่อปี 2561 มีการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีไร้สาย 5G เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการรวมระบบระหว่างเทคโนโลยีโทรคมนาคมและดาวเทียมเป็นหนึ่งเดียว และกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการเชื่อมต่อ การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมดาวเทียมและโทรคมนาคมของโลกจะช่วยให้การติดต่อสื่อสารครอบคลุมในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับบริการอย่างทั่วถึงก็จะสามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ เทคโนโลยีและการสื่อสารจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
“การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จากการหลอมรวมระหว่างเทคโนโลยีดาวเทียมและเครือข่าย 5G ในครั้งนี้ จะทำให้การสื่อสารดำเนินได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด เทคโนโลยีดาวเทียมจะเข้ามาเป็นบริการเสริม และเป็นการกระตุ้นไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและสร้างโอกาสให้กับทุกคน นอกจากนี้ ยังเป็นการลดต้นทุนของโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยี 5G ที่ใช้ร่วมกับเทคโนโลยี NTN ทำให้สามารถเข้าถึงบริการได้มากขึ้น อีกทั้งจะช่วยให้เกิดบริการใหม่และการเชื่อมโยงระดับโลกของบริการไอโอที ” ประธาน กสทช. กล่าว
สำหรับเทคโนโลยี NTN ในระดับโลก แบ่งการให้บริการเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- เครือข่ายการสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยแต่ละวงโคจร จะมีความครอบคลุม และความหน่วงในการประมวลผลข้อมูลที่แตกต่างกันไป
- High Altitude Platform Systems (HAPS) สถานีฐานลอยระยะสูง
- การสื่อสารภาคพื้นกับอากาศยาน (Air-to-Ground Networks) ที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างผู้ควบคุมจราจรทางอากาศกับนักบิน
นอกจากนี้ เทคโนโลยี NTN เริ่มเข้ามามีบทบาทในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งบริการของ NTN ได้แก่ การให้บริการด้านการติดตาม การตรวจสอบข้อมูลทางการเกษตร การโรมมิ่งการให้บริการ WiFi on Board หรือการนำไปใช้งานในกรณีเกิดภัยพิบัติ จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ คือ การเกิดโครงข่ายทางอากาศ หรือ Airborne Networks ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วการใช้งานอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีการสื่อสารแบบใหม่ที่หลอมรวมการใช้งานด้านโครงข่ายของดาวเทียม และ IMT ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวส่งเสริมให้มีการใช้งาน 5G เพิ่มมากขึ้น ทั้งการใช้งานไอโอทีที่หลากหลาย และส่งเสริมคุณภาพด้านการสื่อสารให้ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารได้ตลอดเวลาทุกพื้นที่ เป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรุดหน้า ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าว ก่อให้เกิดการพัฒนาในหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านการแพทย์ การขนส่ง การบิน ทำให้เกิดระบบเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีโครงข่ายพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง
โดยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี NTN นำมาทั้งโอกาสและความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย หน่วยงานทางทหาร สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และภาคเอกชน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการดาวเทียม ในการปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมือในการนำเอาเทคโนโลยี NTN ไปพัฒนาต่อไป