เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'
ซีอีโอไปรษณีย์ระบุต้องการขยายธุรกิจสู่น่านน้ำใหม่ ใช้ทรัพยากรเด็ดในมือ แท็คทีมพันธมิตรตัวท็อป ลุยธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์ หวังคว้าโอกาส-ขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแบงก์) ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขอตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค 2567 โดยก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงดีอี จะร่วมมือกับ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL และ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซี กรุ๊ป และเครือสหพัฒน์ฯ เพื่อเข้าร่วมทำธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์อย่างแน่นอน และที่ประชุมบอร์ดได้เห็นชอบในหลักการแล้ว เมื่อเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมา
โดย กรุงเทพธุรกิจ ได้สอบถามไปยัง 'ดนันท์ สุภัทรพันธุ์' กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ระบุว่า ไปรษณีย์ไทย มีความสนใจที่จะเข้าร่วมทำธุรกิจธนาคารไร้สาขาเพื่อคว้าโอกาสและขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ โดยจะใช้ความได้เปรียบด้านเครือข่ายสาขากว่า 1,600 แห่งทั่วประเทศ และพนักงานส่งไปรษณีย์ 25,000 คน ที่มีความคุ้นเคยกับชุมชนเพื่อให้บริการสินเชื่อกับลูกค้า
โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ แรงงานข้ามชาติ และคนไทยที่ไม่มีสลิปเงินเดือนจากนายจ้าง ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ ช่วยให้ประชาชน สามารถทำธุรกรรมฝากถอนเงินได้ที่สาขาของไปรษณีย์ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความพยายามของไปรษณีย์ไทยครั้งนี้ ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อหาแสวงแหล่งรายได้ใหม่ ชดเชยส่วนที่ขาดหาย หลังจากแพลตฟอร์มต่างชาติ ในคราบคู่แข่งขันและพันธมิตรการค้า เข้ามาทำตลาดในไทย ทำให้ยอดขนส่งของไปรษณีย์ บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไม่กี่เดือนหลัดๆ หายไปถึง 50% ต่อวัน
นอกจากนี้ ดนันท์ เผยว่า การเติบโต ของเศรษฐกิจดิจิทัลได้ทำให้การค้าออนไลน์และการค้าขายระหว่างประเทศทั่วโลกมีการขยายตัว รวมถึงประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีการซื้อขายทั้งภายในและต่างประเทศอย่างคึกคัก โดยคาดการณ์ว่าตลอดจนถึงสิ้นปี 2567 ตลาดอีคอมเมิร์ซจะมีมูลค่ากว่า 700,000 ล้านบาท จากแรงบวกที่สำคัญนี้ไปรษณีย์ไทยจึงมุ่งที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญผ่านการเป็นแพลตฟอร์มและผู้ให้บริการขนส่งเพื่อรองรับและมอบความสะดวกด้านการขนส่งให้กับคนไทย ซึ่งมีความพร้อมอย่างมากทั้งในด้านเครือข่าย จุดให้บริการ วิธีการขนส่ง รวมถึงความน่าเชื่อถือของงานบริการที่สอดรับกับข้อกำหนดการขนส่งและการค้าทั่วโลก
สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) ไปรษณีย์ไทยทำรายได้รวม 10,602.30 ล้านบาท มีกำไร 136.60 ล้านบาทและสิ้นปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท
โดยกลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศมีรายได้ 1,293.31 ล้านบาท คิดเป็น 12.20% ของรายได้รวมปลายทางที่ได้รับความนิยมในการส่งระหว่างประเทศ 5 อันดับ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สินค้าที่นิยมส่ง คือ เสื้อผ้า ขนมและอาหารแห้ง สินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม เอกสาร ของสะสม
ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2567 นี้ไปรษณีย์มีอายุ 140 ปี โดยตลอดการเดินทาง 140 ปีที่อยู่เคียงข้างเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้เปิดเส้นทางและเพื่อนร่วมทางที่เห็นโอกาสที่สำคัญทั้งในเชิงธุรกิจ และโอกาสใหม่ๆ สำหรับทุกภาคส่วน ด้วยกลยุทธ์ 1-4-0
1 คือ การเป็นที่หนึ่งเรื่องคุณภาพ พร้อมส่งมอบคุณค่าด้วยบริการที่มีคุณภาพเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง
4 คือ เส้นทางขนส่งทางรถยนต์ ทางรถไฟ ทางอากาศ ทางดิจิทัลครอบคลุมทั่วไทย ทั่วโลก ครบถ้วนทุกไลฟ์สไตล์
0 คือ Zero Complaint ลดข้อร้องเรียนเป็นศูนย์ หรือแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วที่สุด และ Net Zero เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065
และสำหรับครึ่งปีหลัง ไปรษณีย์ไทยพร้อมใช้เทคโนโลยีพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อคนไทยอีกมากมายโดยแบ่งกลุ่มหลักๆ ดังนี้
ไปด้วยกันที่มากกว่าการส่ง ซึ่งจะเน้นการนำศักยภาพที่มี และสร้างศักยภาพใหม่ให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ที่มากกว่าการขนส่ง โดยเฉพาะการก้าวสู่ Data Company จากการเป็น Information Logistics ที่มีข้อมูลแบบไร้ขีดจำกัด เช่น บริการ Prompt Post ที่จะทรานส์ฟอร์มเอกสารทุกรูปแบบสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การแปลงระบบจ่าหน้าหรือที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลผ่านระบบ Digital Post ID การให้บริการในรูปแบบ Postman as a service ที่สามารถนำข้อมูลและความรู้ ความเข้าใจในทุกพื้นที่มาต่อยอดนำเสนอบริการที่ตรงใจ พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนพี่ไปรฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ
ไปด้วยกันกับประสบการณ์ใหม่ ๆผ่านบริการและโซลูชันที่จะทำให้คนไทยทุกคนและไปรษณีย์ไทยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น มีสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าผ่าน Post Family ที่ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 600,000 ราย และตั้งเป้าให้ครบ 1,000,000 รายภายในปีนี้ การรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของคนทุกเจเนอเรชันด้วยการใช้บริการไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงไปสู่ทุกจุดหมาย พร้อมเป็นแบรนด์ Top of Mind ที่ทุกคนนึกถึงทั้งในการช้อปปิ้ง ทำธุรกิจ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านการให้บริการขนส่งที่หลากหลายในตลาด ทั้งส่งใหญ่ ส่งยุ่ง ส่งยาก ส่งยา ส่งเย็น
ไปด้วยกันให้ทุกชีวิตดีขึ้นได้จริง จะเป็นการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG+E หมายถึง Environment, Social, Governance และ Economy ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนโดยการสร้างเครือข่ายการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย เช่น การก้าวสู่ผู้ให้บริการไปรษณีย์ด้วยระบบประหยัดพลังงาน โครงการ reBOX ที่ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรกล่อง ซองอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมรายได้สินค้าชุมชนผ่านไทยแลนด์โพสต์มาร์ทและโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข เป็นต้น