หา 'เหตุผล' ทำไม 'ไทยคม' คือหนึ่งเดียวประมูล 3 วงโคจรดาวเทียม

หา 'เหตุผล' ทำไม 'ไทยคม' คือหนึ่งเดียวประมูล 3 วงโคจรดาวเทียม

บอร์ด กสทช. ถอยสุดทางเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลดาวเทียมแบบเคาะราคาขั้นต่ำ สู่การยื่นเงื่อนไข-ผลตอบแทน เหตุหลังพิงฝาวงโคจร 3 ตำแหน่ง ส่อหลุดมือทำไทยเสียประโยชน์ ฟาก 'ไทยคม' เป็นเอกชนหนึ่งเดียวยื่นเอกสารแสดงความต้องการ ขอบริหารวงโคจรทุกตำแหน่งเอง

เราอาจจะคุ้นหูกับการประมูลคลื่นความถี่สำหรับ 'โทรศัพท์มือถือ' ไล่ตั้งแต่ 3G 4G และล่าสุด 5G แต่จริงๆ  แล้วสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ยังต้องออกแผนแม่บทตามรัฐธรรมนูญสำหรับกิจการอวกาศ ที่ถูกโอนอำนาจ และความรับผิดชอบมาจาก 'กระทรวงดีอี' ในการประมูล 'วงโคจรดาวเทียม' หลังจากสิ้นสุดยุคสัมปทาน และเข้าสู่ไลเซ่นอย่างเต็มตัว 

ย้อนปฐมบทการประมูลดาวเทียม

การประมูลวงโคจรดาวเทียมครั้งประวัติศาสตร์เริ่มเมื่อวันที่ 15 ม.ค.2566 โดยสำนักงาน กสทช.นำวงโคจรดาวเทียม 5 แพ็กเกจออกมาประมูล ได้แก่ ชุดที่ 1. ตำแหน่ง 50.5 - 51 องศาตะวันออก ชุดที่ 2. ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก ชุดที่ 3. ตำแหน่ง 119.5-120 องศาตะวันออก ชุดที่ 4. ตำแหน่ง 126 องศาตะวันออก และ ชุดที่ 5. ตำแหน่ง 142 องศาตะวันออก

โดยการประมูลใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 36 นาที ขายออก 3 ชุดข่ายงานดาวเทียม หรือ 3 ตำแหน่ง ทำเงินเข้ารัฐบาลได้  806 ล้านบาท ซึ่ง ผู้ชนะการประมูลในแต่ละชุดข่ายงานดาวเทียม ดังนี้ ชุดที่ 1 ไม่มีผู้ยื่นความต้องการ ชุดที่ 2 ผู้ชนะการประมูล บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด บริษัทลูกของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ราคาสุดท้าย 380,017,850 บาท

ชุดที่ 3 ผู้ชนะการประมูล บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด ราคาสุดท้าย 417,408,600 บาท ชุดที่ 4 ผู้ชนะการประมูล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที ราคาสุดท้าย 9,076,200 บาท และ ชุดที่ 5 ไม่มีผู้ยื่นความต้องการ

โฟกัสแค่รักษาสมบัติชาติ

ในช่วงเวลาเกือบ 2 ปี ที่ผ่านสำนักงาน กสทช.ได้ใช้ความพยายามที่นำวงโคจรที่ขายไม่ออกในรอบแรก มาปรับเงื่อนไขประมูลใหม่ด้วยการลดราคาเคาะประมูลเริ่มต้น เงื่อนไขลดราคาประมูลรอบ 2 

แต่ท้ายสุด การประมูล ครั้งที่ 2 ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะไม่มีเอกชนรายใดสนใจ อีกเช่นเคย ประมูลรอบ 2 ล่ม และด้วยเดดไลน์ของ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ไอทียู กำหนดว่าหากดาวเทียมวงโคจรใดไม่มีการใช้งานจำเป็นต้องถูกริบคืน

ดังนั้น บอร์ด กสทช.เองก็คงไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นบอร์ดชุดที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียสมบัติของชาติ ซึ่งเป็นวงโคจรดาวเทียม จึงยกเลิกเกณฑ์การประมูลแบบเคาะราคา และเปลี่ยนเป็นการเสนอผลตอบแทนเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ที่จะมอบให้กับรัฐบาล และประเทศแทน 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2567 สำนักงานกสทช.เปิดให้เอกชนเข้ายื่นข้อเสนอการขอใบอนุญาตดาวเทียมวงโคจรประจำที่ ตำแหน่ง 50.5-51 และ 142 องศาตะวันออก ปรากฎว่าเอกชนสนใจยื่นเอกสารเพียงรายเดียวคือ บริษัทในเครือ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เจ้าเดิม ซึ่งสนใจขอใบอนุญาตทั้ง 3 ตำแหน่งวงโคจร

 

 

 

กางไทม์ไลน์การจัดสรรวงโคจร

ก่อนหน้านั้น นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ บอร์ด กสทช. ด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า เมื่อมีเอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการตรวจคุณสมบัติ และข้อเสนอของผู้ขอรับอนุญาต ระหว่างวันที่ 8-10 ต.ค.2567 โดยคณะกรรมการประเมินเจรจาต่อรองข้อเสนอของผู้ขอรับอนุญาต วันที่ 11 ต.ค.2567 เพื่อเข้าสู่กระบวนการคณะกรรมการประเมินนำเสนอผลการตรวจสอบคุณสมบัติและผลการตัดสินผู้ได้รับอนุญาตให้ กสทช.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.67) คาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตวันที่ 17 ต.ค.2567

ดังนั้น หากประชุม กสทช.ถ้านำเสนอทันประชุมวันที่ 16 ต.ค.67 นี้ ก็จะสามารถประกาศรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้ทันที วันที่ 17 ต.ค.2567 นี้ แต่หากไม่ทันต้องนำเสนอที่ประชุม กสทช.วันที่ 24 ต.ค.2567 เพื่อประกาศรายชื่อผู้ได้รับอนุญาตวันที่ 24 ต.ค.67 หรือ 25 ต.ค.67 ตามลำดับต่อไป

สำหรับสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ฯ ประกอบด้วย

  • การอนุญาตให้ใช้สิทธิ : อนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมตามตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม โดยจะไม่จัดชุดของข่ายงานดาวเทียมที่จะนำมาอนุญาตสิทธิ และไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ
  • วิธีการอนุญาต : ใช้วิธีการอนุญาตโดยพิจารณาเปรียบเทียบจากข้อเสนอของผู้ขอรับอนุญาต ตามเกณฑ์การพิจารณาอนุญาต 
  • เกณฑ์การพิจารณาอนุญาต : (แต่ละรายข้อ ต้องได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50)

1.ความพร้อมในการรักษาสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม กำหนดน้ำหนักเท่ากับร้อยละ 40

2.ประสบการณ์ในการประกอบกิจการหรือดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้อง  กำหนดน้ำหนักเท่ากับร้อยละ 25

3.ความสามารถด้านการเงิน และข้อเสนอการวางหลักประกันการรักษาสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม กำหนดน้ำหนักเท่ากับร้อยละ 20

4.ข้อเสนออัตราผลตอบแทนให้แก่รัฐ กำหนดน้ำหนักเท่ากับร้อยละ 15

  • ข้อเสนออัตราผลตอบแทนให้แก่รัฐ : ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.25
  • การรักษาสิทธิ : ผู้ได้รับอนุญาตมีหน้าที่จัดให้มีดาวเทียมเป็นของตัวเองหรือดำเนินการอื่นใดเพื่อรักษาสิทธิขั้นสมบูรณ์ตลอดระยะเวลาการอนุญาต

แหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวว่า สาเหตุที่ครั้งนี้ไทยคมยื่นข้อเสนอทั้ง 3 วงโคจรแน่นอนว่าเลี่ยงไม่พ้นประเด็นที่สำนักงาน กสทช. ปิดตายการเคาะราคาประมูลแล้ว เปลี่ยนเป็นการเสนอผลตอบแทนซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการให้เปล่า แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีเพียงไทยคมเท่านั้นที่จะมาช่วยบอร์ด กสทช. ให้หลุดพ้นคำกล่าวหาว่าทำให้สูญเสียสมบัติชาติเพราะในวันที่ 27 พ.ย.2567 นี้ วงโคจรในตำแหน่ง 50.5 - 51 องศาตะวันออก หากไม่มีดาวเทียมของไทยมาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวโลเคชันนี้จำเป็นที่จะต้องถูกยึดคืนไปโดยปริยาย

ดังนั้น ไทยคมหากอยากจะเป็นผู้ได้รับสิทธิในการบริหารวงโคจรจึงจะต้องเสนอผลตอบแทนโดยการที่จะต้องเช่าดาวเทียมต่างชาติที่อยู่ในบริเวณที่ไม่ห่างจากตำแหน่งดังกล่าวลากเอามาไว้เพื่อในการจองสิทธิ

นี่อาจจะเป็นคำตอบว่า 2 ครั้ง ที่ผ่านมาทำไมประมูลวงโคจรดาวเทียมถึงล่ม และในครั้งนี้มีเพียงไทยคมที่เข้าร่วมยื่นข้อเสนอก็คงเพราะผลประโยชน์วิน-วินทั้ง 2 ฝ่ายที่บอร์ด กสทช.หยิบยื่นให้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าประมูลผ่านการเคาะราคาขั้นต่ำ และนำรายได้เข้ารัฐ

แต่เป็นเพียงแค่การรักษาสิทธิวงโคจรที่ถือเป็นสมบัติชาติเอาไว้ และก็หนีไม่พ้นเอื้อมมือของไทยคมที่เหมือนจะเป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียวที่ทำได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์