ทรู กางตำราสู้ศึกโทรคม หลังไร้ 'พรีเมียร์ลีก' เปิดแผนอัปความถี่ดันสปีด 5G
'ทรู' ออกโรงยันไร้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในมือไม่สะเทือน ชี้ทรูวิชั่นส์ยังมีคอนเทนต์ท่วมช่อง พร้อมชูพลัง AI อัปเกรดเน็ตเวิร์กทุกความถี่ คุยสปีด 5G พุ่งแล้ว 48% พร้อมรองรับลูกค้าทุกกลุ่ม แผนรวมเสาหลังควบดีแทคไร้ปัญหา เน็ตแกร่ง-สัญญาณดีทั่วไทย
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงกรณีที่ ทรูวิชั่นส์ ไม่ได้สิทธิถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26 จนถึง 2030/31 จำนวน 6 ฤดูกาล ว่า การประมูลลิขสิทธิ์ราคาที่ออกมาสูงมาก และสูงกว่าครั้งก่อนที่มีผู้ประกอบรายอื่นชนะประมูล ซึ่งมาครั้งนี้ ยอมรับคู่แข่งคือเงาสะท้อนว่า ทรูจะต้องดำเนินธุรกิจอย่างไร แต่ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา บริษัทตั้งใจมาโดยตลอดที่จะให้ได้มาซึ่งคอนเทนต์ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นกัน
“เราให้ราคาประมูลที่มีจุดเหมาะสมไปแล้ว แต่เมื่อเราไม่ได้ก็ต้องยอมรับ เนื่องจากมีคนอื่นเสนอราคาประมูลสูงกว่า แต่ขอให้ลูกค้ามั่นใจว่า สมาชิกทรูวิชั่นส์ยังคงสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/2025 ได้อย่างเต็มอิ่มจนถึงพ.ค.ปี 2568”
เขา กล่าวอีกว่า การไม่มีพรีเมียร์ลีกก็ยอมรับว่ากระทบบ้างในแง่ความรู้สึก แต่ไม่ถึงกับเข่าทรุด ทรูไม่ได้เสียทรง และขอบอกว่า พรีเมียร์ลีกไม่ได้เป็นทั้งหมดทรูวิชั่นส์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของทรูวิชั่นส์ ทำให้บริษัทยังมีสถานะเป็น King of Sport เพราะลูกค้ายังสามารถรับชมคอนเทนต์กีฬาฟุตบอลระดับโลกอื่นๆ บนทรูวิชั่นส์ เช่น ลาลีกา บุนเดสลีกา ซาอุดิลีก ซาอุดี คิงส์คัพ เอลีก (ออสเตรเลียน ลีก) ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ยูฟ่ายูโรป้า ลีก ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เอฟเอคัพอังกฤษ รวมถึงฟุตบอลไทยลีก 1 ไทยลีก 2 ช้างเอฟเอคัพ และรีโว่คัพ
เร่งเดินหน้าโครงการยกระดับโครงข่าย
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี ทรู เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการยกระดับโครงข่ายสู่ความทันสมัย (Network Modernization) ได้ดำเนินการแล้วกว่า 10,800 สถานีฐาน คิดเป็น 64% ของแผนงานทั้งหมด และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 การพัฒนาครั้งนี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพเครือข่ายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยความเร็ว 5G เพิ่มขึ้น 48% ความเร็ว 4G เพิ่มขึ้น 13% และแบนด์วิธเพิ่มขึ้น 35% ในพื้นที่ที่ได้รับการอัปเกรด (ข้อมูล ณไตรมาส 3/2567) พร้อมรองรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G ที่มีจำนวน 12.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อน
นายประเทศ กล่าวต่อไปว่า เราได้เร่งพัฒนาประสิทธิภาพเครือข่ายด้วยการอัปเกรดอุปกรณ์ส่งสัญญาณรุ่นใหม่ที่รองรับการกระจายสัญญาณหลายความถี่ มุ่งเน้นการขยายคลื่น 700 MHz และ 2600 MHz พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพคลื่น 700MHz และ 2100 MHz ส่งผลให้ลูกค้าทรูและดีแทคได้ใช้งานเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ และมีความเร็วมากยิ่งขึ้น ยกระดับประสบการณ์การใช้งานสู่มาตรฐานระดับโลก
นอกจากนั้น เรายังเร่งพัฒนาเครือข่ายอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายใต้กลยุทธ์ 3Zero เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย มุ่งสู่เป้าหมาย 3 ปี
• Zero Touch - นวัตกรรมเครือข่ายอัตโนมัติขั้นสูงที่ผสานพลัง AI และ Machine Learning เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการแบบ AI-powered closed-loop automation ที่เพื่อตรวจจับ วิเคราะห์ แก้ไข และยืนยันการแก้ปัญหาแบบอัตโนมัติ มุ่งยกระดับประสิทธิภาพการบริหารโครงข่ายให้สูงขึ้น 80% พร้อมลดการใช้พลังงานลง 30% และป้องกันความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานได้ถึง 80%
• Zero Wait - ระบบ AI ที่ปรับแต่งเครือข่ายแบบเรียลไทม์ตามพฤติกรรมผู้ใช้งานแบบไร้รอยต่อ เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายทันที เพื่อประสบการณ์สูงสุดในทุกสถานการณ์ เช่น กรณีมีการรวมตัวใช้งานของกิจกรรมต่างๆ เช่น พื้นที่จัดคอนเสิร์ต หรือกิจกรรมที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น โดยตั้งเป้าเพิ่มความเร็วในการปรับแต่งเครือข่าย 50% พร้อมแก้ไขปัญหาลูกค้าได้เร็วขึ้น 3-4 เท่า
• Zero Trouble - ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายแบบเรียลไทม์เพื่อคาดการณ์และป้องกันปัญหา พร้อมวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Proactive Maintenance) โดยตั้งเป้าลดเวลาเครือข่ายขัดข้อง 40% ลดข้อร้องเรียน 40%และเพิ่มความพึงพอใจลูกค้า (NPS) 30%ภายใน 3 ปี
“นอกจากนั้น การพัฒนาโครงข่ายของ ทรู คอร์ปอเรชั่นไม่ได้มุ่งเน้นเพียงขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมเมืองเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความยั่งยืนและการพัฒนาชุมชน สังคม พร้อมนำโครงข่ายไปผสาน “Tech For Good” สู่การถอดรหัสEmpathy-Insights-Technology สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยียกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เช่น โครงการ True Smart Early Warning System (TSEWS) ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งใช้โครงข่ายสมรรถนะสูงในการเฝ้าระวังช้างป่าและลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง" นายประเทศกล่าวทิ้งท้าย