‘การ์ทเนอร์’ เจาะ 6 เทรนด์ ขับเคลื่อนดิจิทัลองค์กรปี 2568

‘การ์ทเนอร์’ เจาะ 6 เทรนด์ ขับเคลื่อนดิจิทัลองค์กรปี 2568

การ์ทเนอร์ เผย 6 เทรนด์ที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิบัติการ (I&O) สำหรับปี 2568

เจฟฟรีย์ ฮิววิตต์ รองประธานนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์ กล่าวว่า ในปี 2568 มี 6 เทรนด์ทางเทคโนโลยีที่สำคัญซึ่งผู้นำองค์กรควรต้องทราบเพื่อนำไปปรับใช้สำหรับการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิบัติการภายในองค์กร

เทรนด์ที่ 1: Revirtualization/devirtualization 

การเปลี่ยนแปลงใบอนุญาตล่าสุดสำหรับโซลูชันในผู้ขายบางรายได้กดดันให้ทีม I&O หลายทีมต้องประเมินและพิจารณาทางเลือกด้านการทำเวอร์ชวลไลเซชันใหม่ 

โดยบางส่วนย้ายไปใช้พับลิกคลาวด์มากขึ้น บางส่วนหันไปใช้ดิสทริบิวเต็ดคลาวด์ และบางส่วนย้ายไปใช้ไพรเวทคลาวด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเลือกหลายอย่างนอกเหนือจากการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ใช้งาน Virtual Machine หลายตัวบนอุปกรณ์เครื่องเดียว หรือที่เรียกว่า ไฮเปอร์ไวเซอร์ (Hypervisors)

ผู้นำ I&O ต้องสำรวจการใช้งานเวอร์ชวลไลเซชันทั้งหมดในปัจจุบันรวมถึงการพึ่งพาที่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน อาทิ ประเมินหนทางเลือกต่างๆ รวมถึงการหา Hypervisors, Hyperconvergence, Distributed Cloud, Containerization, Private Cloud และ Devirtualization เพื่อระบุทักษะ I&O ที่มีอยู่และวิธีที่จำเป็นต้องพัฒนาเพื่อรองรับตัวเลือกที่ดีที่สุด

เทรนด์ที่ 2: Security Behavior and Culture Programs 

เมื่อความซับซ้อนและความหลากหลายของการโจมตีเพิ่มขึ้น โปรแกรมความปลอดภัยต้องพัฒนาเพื่อจัดการกับพฤติกรรมและวัฒนธรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด โปรแกรมพฤติกรรมและวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย (Security Behavior and Culture Programs หรือ SBCPs) เป็นแนวทางระดับองค์กรเพื่อลดเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของพนักงาน

‘การ์ทเนอร์’ เจาะ 6 เทรนด์ ขับเคลื่อนดิจิทัลองค์กรปี 2568 โปรแกรม SBCP ส่งผลให้พนักงานนำการควบคุมความปลอดภัยมาใช้ได้ดีขึ้นและลดพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัย โปรแกรมนี้ช่วยให้ทีม I&O สามารถสนับสนุนการใช้ทรัพยากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ท้าทายการจัดการ ‘ข้อมูล’

เทรนด์ที่ 3: Cyberstorage 

โซลูชันไซเบอร์สตอเรจใช้คลังข้อมูลที่ประกอบด้วยข้อมูลที่แยกย่อยและกระจัดกระจายอยู่ในหลายตำแหน่งการจัดเก็บ ช่วยให้ข้อมูลย่อยสามารถประกอบกลับเข้าด้วยกันได้ทันทีเมื่อต้องการใช้งาน

ไซเบอร์สตอเรจสามารถเป็นโซลูชันเฉพาะทางที่มีฟีเจอร์ครบครัน บริการแพลตฟอร์มดั้งเดิมที่มีโซลูชันแบบบูรณาการ หรือชุดผลิตภัณฑ์แบบสแตนด์อโลนที่เพิ่มความสามารถด้านการป้องกันทางไซเบอร์ให้กับผู้ขายสตอเรจ

เพื่อให้ไซเบอร์สตอเรจประสบความสำเร็จ ผู้นำ I&O ควรระบุความเสี่ยงของภัยคุกคามด้านการจัดเก็บข้อมูลที่มีค่าใช้จ่ายสูงและสร้างการหยุดชะงัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายด้านกฎระเบียบและการรับประกันที่เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างยูสเคสทางธุรกิจสำหรับการนำไซเบอร์สตอเรจมาใช้

เทรนด์ที่ 4: Liquid-Cooled Infrastructure 

โครงสร้างพื้นฐานที่ใช้การระบายความร้อนด้วยของเหลวประกอบด้วยการแลกเปลี่ยนความร้อนแบบประตูหลัง การแช่ และการระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบตรงถึงชิป ช่วยให้ระบบสามารถรองรับชิปรุ่นใหม่ ๆ ความหนาแน่น และความต้องการด้าน AI พร้อมทั้งให้โอกาสในการวางโครงสร้างพื้นฐานอย่างยืดหยุ่นเพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบใหม่ ๆ

การระบายความร้อนด้วยของเหลวได้รับการพัฒนามาจากการระบายความร้อนในสภาพแวดล้อมของดาต้าเซ็นเตอร์ที่กว้างขึ้นไปสู่การเข้าใกล้และอยู่ภายในโครงสร้างพื้นฐาน โดยโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้การระบายความร้อนด้วยของเหลวยังคงเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มในแง่ของยูสเคสการใช้งานในปัจจุบัน แต่จะมีความโดดเด่นมากขึ้นเมื่อ GPUและ CPU รุ่นถัดไปมีการใช้พลังงานและการผลิตความร้อนเพิ่มขึ้น

อยู่กับโลกอัจฉริยะ GenAI

เทรนด์ที่ 5: Intelligent Application 

Generative AI เผยให้เห็นศักยภาพการทำงานอย่างชาญฉลาดของแอปพลิเคชัน ซึ่งได้สร้างความคาดหวังสำหรับ Intelligent Applications

โดยแอปพลิเคชันอัจฉริยะจะปรับตัวเข้ากับบริบทและเจตนาของผู้ใช้ ช่วยลดความขัดแย้งทางดิจิทัล สามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองและผู้ใช้ โดยการจัดการอินเทอร์เฟซที่เหมาะสมไปยัง API ภายนอกและข้อมูลที่เชื่อมต่อ 

นอกจากนี้ แอปพลิเคชันอัจฉริยะยังช่วยลดการแทรกแซงและการโต้ตอบที่จำเป็นในส่วนของ I&O อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการและการใช้งานในขณะที่ลดค่าโสหุ้ยด้านทรัพยากร

เทรนด์ที่ 6: Optimal Infrastructure 

โครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมที่สุดคือเมื่อทีม I&O ให้ความสำคัญอย่างมากกับตัวเลือกโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับยูสเคสการใช้งานที่กำหนดในรูปแบบการปรับใช้ที่หลากหลาย 

แนวทางนี้ใช้การมุ่งเน้นที่อิงกับธุรกิจเพื่อให้ผู้บริหารที่ไม่ใช่ด้านไอทีสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมจึงเลือกโครงสร้างพื้นฐานจากมุมมองของพวกเขา

ตัวเลือกเหล่านี้สอดคล้องกับการนำแพลตฟอร์มเอนจิเนียริ่งมาใช้ในท้ายที่สุด พวกเขาช่วยให้ I&O สามารถจัดแนวโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจขององค์กรในภาพรวม นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการสนับสนุนและการอนุมัติจากผู้นำธุรกิจและผู้บริหารระดับสูง