‘ซินโนโลจี้’ เปิด 3 ความท้าทาย 'การศึกษาไทย' ยุค ‘ข้อมูลดิจิทัล' ทวีคูณ

“ซินโนโลจี้” เปิด 3 ความท้าทายภาคการศึกษาไทยยุค “e-Education” หลังบิ๊กซอฟต์แวร์ขึ้นราคา - ลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรี จำต้องรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ ปฏิบัติตามระเบียบการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการศึกษาอย่างรัดกุม
เร็กซ์ หวง ผู้อำนวยการฝ่ายแอปพลิเคชัน บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด (Synology) ผู้ให้บริการโซลูชันการจัดเก็บและปกป้องข้อมูลชั้นนำ เผยว่า ยุคที่เทคโนโลยีการศึกษากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาคการศึกษาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Software as a Service (SaaS)
อย่างล่าสุด บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง กูเกิลและไมโครซอฟท์ได้ยกเลิกแผนบริการพื้นที่เก็บข้อมูลไม่จำกัดฟรีและปรับลดฟังก์ชันการทำงาน
ทำให้สถาบันการศึกษาต้องหันมาทบทวนระบบ SaaS ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และมองหาแนวทางแก้ไขในระยะยาวที่มีความยั่งยืนต่อการบริหารต้นทุนและความปลอดภัยของข้อมูลในภาคการศึกษาที่ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญ
'3 ความท้าทาย' ที่ภาคการศึกษาต้องเผชิญ
ต้นทุนสูงขึ้น : การเปลี่ยนแปลงนโยบาย SaaS รายใหญ่ในตลาดทั้ง 2 ราย ส่งผลให้สถาบันการศึกษาต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาพื้นที่เก็บข้อมูลและฟังก์ชันการทำงานเดิม โดยเฉพาะสถาบันขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งอาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลพุ่ง : จากรายงานของ Netwrix (2024) พบว่า 80% ของสถาบันการศึกษาทั่วโลกถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างน้อย 1 ครั้งในแต่ละปี เนื่องจากสถาบันการศึกษาจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ประวัตินักเรียน ข้อมูลการเงิน และงานวิจัย
กฎระเบียบรัดกุมขึ้น : กฎระเบียบเฉพาะด้านการศึกษา เช่น FERPA และ GDPR มีข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นสำหรับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล สถาบันการศึกษาต้องมั่นใจว่าระบบของตนปลอดภัย เป็นส่วนตัว และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่โซลูชันประสิทธิภาพการทำงานสาธารณะอาจไม่สามารถริงรับได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้สถาบันการศึกษาเริ่มฟันมาใช้โซลูชัน Productivity หรือชุดซอฟต์แวร์ แบบติดตั้งภายในองค์กร (on-premise) หรือ การวางระบบตั้งอยู่ภายในองค์กร ที่มีการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรซึ่งจะช่วยให้สถาบันการศึกษามีการควบคุมข้อมูลที่มากขึ้น
ขณะเดียวกัน สามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ง่าย และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ต่างจากโซลูชัน SaaS ที่มักมีความเสี่ยงจากการปรับราคาหรือการเปลี่ยนฟีเจอร์การให้บริการที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
การบริการ SaaS รายใหญ่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะสั้น และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสถาบันการศึกษาในการทบทวนความเหมาะสมของระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
สำหรับแนวทางการจัดการปัญหา โซลูชัน Productivity แบบ on-premise นำเสนอเส้นทางที่ยั่งยืนเพื่อตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ เสริมความปลอดภัยให้กับข้อมูล และสร้างรากฐานดิจิทัลที่มั่นคง เพื่อรองรับความต้องการด้านภาคการศึกษาที่เปลี่ยนแปลง