AWS มองว่าปี 68 ภาคธุรกิจต้องปรับตัวสู่การใช้ Gen AI แบบวัดผลได้

AWS มองว่าปี 68 ภาคธุรกิจต้องปรับตัวสู่การใช้ Gen AI แบบวัดผลได้

อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) ชี้ ปี 2568 เป็นปีแห่งการใช้ Gen AI เชิงพาณิชย์ที่วัดผลได้จริง พร้อมแนะแนวทางการพัฒนาบุคลากรและการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) ผู้นำบริการคลาวด์ระดับโลก เปิดเผยในงานสัมมนา PostToday Thailand Economic Drives 2025 ว่าปี ในปีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่องค์กรต้องก้าวข้ามการทดลองใช้ Generative AI (Gen AI) ไปสู่การประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ที่สามารถวัดผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม 

จากการสังเกตการณ์ของ AWS พบว่าพัฒนาการของ Gen AI ในประเทศไทยเริ่มต้นชัดเจนในปี 2566 จากการใช้งาน ChatGPT เพื่อการสืบค้นข้อมูลและตอบคำถามพื้นฐาน ต่อมาในปี 2567 องค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักว่าการใช้งานในลักษณะนี้ไม่ได้สร้างรายได้หรือประโยชน์ที่แท้จริง จึงเริ่มพัฒนาเป็นโครงการนำร่องเพื่อทดสอบการใช้งาน Gen AI ในรูปแบบต่างๆ จนมาถึงปี 2568 ที่การใช้งานจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าทางธุรกิจที่วัดผลได้

AWS ซึ่งมีประสบการณ์การนำเอไอมาใช้ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซและระบบคลังสินค้ามากว่า 25 ปี ได้พัฒนาบริการด้าน Gen AI ที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรธุรกิจในหลากหลายมิติ

โดยบริการแรกคือ AWS Trainium และ AWS Inferentia สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาโมเดลเอไอเฉพาะทางที่รองรับบริบทของประเทศไทย เช่น การสร้างโมเดลที่เข้าใจภาษาท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค แม้อาจไม่ใหญ่เท่าโมเดลทั่วไปแต่มีความเฉพาะเจาะจงกับการใช้งานมากกว่า

บริการที่สองคือ Amazon Bedrock ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการช่วยองค์กรเลือกและปรับใช้โมเดลเอไอที่เหมาะสมที่สุด สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามผลการประเมิน โดยไม่จำเป็นต้องผูกติดกับโมเดลใดโมเดลหนึ่ง พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม และบริการที่สามคือ Amazon Q แอปพลิเคชันที่ช่วยจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กรเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ

วัตสัน อธิบายว่า ความสำเร็จของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันต้องอาศัย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี กระบวนการ และบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านบุคลากรที่เป็นความท้าทายสำคัญของประเทศไทย

เนื่องจากไทยยังคงเป็นเพียงผู้ใช้เทคโนโลยี ไม่ใช่ผู้ผลิต การพัฒนาบุคลากรจึงควรมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะด้านคลาวด์ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งเอไอการวิเคราะห์ข้อมูล และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง

ด้านการประเมินผล AWS ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรสามารถติดตามและประเมินผลการใช้งาน Gen AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ AWS Audit Manager ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจรูปแบบการใช้งาน Gen AI ติดตามการใช้โมเดลเอไอ และสิทธิการเข้าถึงของผู้ใช้ต่างๆ รวมถึงระบุข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถปรับแต่งการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับด้านความปลอดภัย AWS ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ AWS Nitro System ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าแม้แต่จากพนักงาน AWS เอง พร้อมทั้งนำเสนอฟังก์ชันถามตอบด้วยภาษาธรรมชาติใน AWS CloudTrail Lake ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยได้สะดวกยิ่งขึ้น

“แม้ประเทศไทยจะมีการเปิดรับเทคโนโลยีได้รวดเร็ว แต่การนำเทคโนโลยีไปใช้ต้องไม่เพียงตอบโจทย์ด้านไอทีเท่านั้น แต่ต้องสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการ และวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่การทดลองใช้งานหรือการสร้างความบันเทิงเท่านั้น” ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS กล่าวทิ้งท้าย