‘อาลีบาบา’ ชู ‘โอเพนซอร์ส’ นวัตกรรมกำหนดอนาคต AI

ผู้บริหาร "อาลีบาบา" เปิดมุมมองด้านการพัฒนา AI เมกะเทรนด์เทคโนโลยีที่มีพัฒนาการการเติบโตก้าวกระโดดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
ที่น่าจับตามองอย่างมากคือ การขยับตัวของบิ๊กเทคคอมพานีหลายๆ รายทั้งในสหรัฐและจีนที่มุ่งผลักดันแนวคิด “นวัตกรรมแบบเปิด” ซึ่งว่ากันว่าจะก่อให้เกิดความร่วมมือและทำให้การพัฒนา AI สร้างประโยชน์ได้ในวงกว้าง...
โจ ไช่ ประธาน อาลีบาบา กรุ๊ป แลกเปลี่ยนมุมมองของอาลีบาบาเกี่ยวกับอนาคตของ AI โดยระบุว่า โมเดลโอเพนซอร์สต่างๆ ที่สามารถมอบ AI ที่ทุกคนใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทางหรือความรู้ทางเทคนิคใดๆ จะช่วยเปิดทางให้เกิดความก้าวหน้าและการพัฒนาที่มากขึ้น
ต่อไป นักพัฒนาซอฟต์แวรจะคิดถึง แอปพลิเคชันที่นำไปใช้งานได้จริง และส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้โมเดลและเอเจนต์ AI เฉพาะทาง และ เจาะจงเฉพาะงาน ขยายตัวเร็วขึ้น
ขณะที่ การลงทุนน่าจับตามองว่า เงินทุนจะไปยังบริษัทต่างๆ ที่สร้างนวัตกรรมด้วยการเทรนและการนำ AI ไปใช้ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า
โดยโมเดลโอเพนซอร์สต่างๆ จะทำให้เกิด AI ที่ใครก็ใช้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทที่มีขนาดเล็กสามารถเข้าถึงโมเดลโอเพนซอร์ส และต่อยอดพัฒนาแอปพลิเคชันที่นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน แอปพลิเคชัน AI ที่ใช้โมเดลที่มีพารามิเตอร์เล็กกว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึง AI ได้
หนุนนวัตกรรมแบบเปิด
อาลีบาบา วิเคราะห์ด้วยว่า การทำให้ค่าใช้จ่ายด้าน AI ลดลง และการเข้าถึงได้มากขึ้นนั้น หมายถึง จะมีบริษัทและนักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนา AI เพิ่มมากขึ้น และจะมีผู้บริโภคที่ได้รับประโยชน์จากสุดยอดแอปพลิเคชันที่มีคุณประโยชน์เหล่านี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับอาลีบาบาให้การสนับสนุนนวัตกรรมแบบเปิด เช่น การเปิดตัว Qwen ซึ่งเป็นตระกูลโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพนซอร์สที่ล้ำสมัยที่นับเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นระยะยาว ในการส่งเสริมความก้าวหน้าด้าน AI ที่ครอบคลุม เข้าถึงได้ ในราคาที่เหมาะสม
ที่ผ่านมา ยังเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกรายแรกๆ ที่สร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่เป็นโอเพนซอร์สด้วยตัวเอง มีการเปิดตัวและพัฒนาต่อยอดคอมมิวนิตี้ด้านโอเพนซอร์สมามาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งโมเดลภาษา, มัลติโมดัล, โมเดลด้านคณิตศาสตร์ และโค้ด
ขยาย ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ ในไทย
ในประเทศไทยไม่นานมานี้ อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สองในประเทศไทย มุ่งเพิ่มสมรรถนะในการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย
โดยเฉพาะเพื่อรองรับแอปพลิเคชัน generative AI และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสู่ความยั่งยืน
ฌอน หยวน รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ และ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และภูมิภาคแปซิฟิกใต้ ของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ล่าสุดนี้ เป็นการเสริมแกร่งความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการคลาวด์ที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และทรงประสิทธิภาพ ที่ปรับให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจในประเทศไทย
เราเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเพื่อมุ่งเสริมศักยภาพให้องค์กรในการใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ให้ได้สูงสุด โดยเฉพาะกับแอปพลิเคชัน Generative AI
ดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่นี้ ตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วย availability zone ทั้งหมด 86 แห่ง ใน 28 ภูมิภาคทั่วโลก ก่อนหน้านี้ อาลีบาบา คลาวด์ ได้เปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2565
บริษัทมุ่งเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลาย ซึ่งรวมถึง การประมวลผลแบบยืดหยุ่น (elastic computing), สตอเรจ, ฐานข้อมูล, ความปลอดภัย, ผลิตภัณฑ์ด้านเน็ตเวิร์ก, การวิเคราะห์ข้อมูล และบริการด้าน AI ต่างๆ รวมถึงโซลูชันต่างๆ ที่สามารถขจัดความท้าทายให้กับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท