‘เอดับบลิวเอส’ ดันแผนใหญ่ ดึงพลัง ‘คลาวด์-เอไอ’ พลิกศก.ไทย

‘เอดับบลิวเอส’ ดันแผนใหญ่ ดึงพลัง ‘คลาวด์-เอไอ’ พลิกศก.ไทย

“เอดับบลิวเอส” เดินหน้าลงทุนไทย กางแผนธุรกิจปี 2568 ปักธงขยายบริการ “เอดับบลิวเอส รีเจียน” ดันเทคโนโลยี ‘คลาวด์ - เอไอ’ พลิกโฉมดิจิทัลไทย

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส (AWS) ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลก กล่าวว่า เอดับบลิวเอสยังคงยึดมั่นในพันธกิจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปี 2568 แนวทางธุรกิจจะอยู่ภายใต้ 5 แกนหลักประกอบด้วย 1. ขับเคลื่อนการใช้งาน AWS Region ในประเทศไทย, 2. เร่งสร้างมูลค่าทางธุรกิจด้วยเอไอและข้อมูล 3. ขยายเครือข่ายพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่าย

ขณะที่ 4. ขยายฐานลูกค้าสนับสนุนการใช้คลาวด์ให้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมเจาะลึกการทำงานไปในแต่ละอุตสาหกรรม และ 5. ส่งเสริมชุมชนนักพัฒนาและผู้สร้างนวัตกรรมบนเอดับบลิวเอส โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเอไอซึ่งกำลังเป็นเทรนด์สำคัญระดับโลก

โดย เอดับบลิวเอส จะขยายการให้บริการจากฐานลูกค้าเดิมในภาคการเงินการธนาคาร ค้าปลีก และอุตสาหกรรมการผลิต ไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ อาทิ โทรคมนาคมและสาธารณสุข ฯลฯ

จับตา GenAI เขย่าโลกธุรกิจ

เอดับบลิวเอส ระบุว่า มีพันธกิจระยะยาวที่มุ่งตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย เชื่อว่าคลาวด์เป็นตลาดที่ยังมีช่องทางและศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก สอดคล้องไปกับข้อมูลของไอดีซีที่คาดการณ์ว่า ปี 2568 องค์กรไทยจะใช้จ่ายราว 2 พันล้านดอลลาร์ไปกับบริการคลาวด์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12% ของการใช้จ่ายไอทีทั้งหมด

ด้านฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวนคาดว่า การใช้จ่ายด้านคลาวด์จะเติบโตราว 20% และเมื่อถึงปี 2572 มูลค่าแตะ 4.6 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2568 คือการใช้งาน Generative AI ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ สะท้อนจากตัวเลขการเติบโตของตลาดในประเทศไทยที่สตาทิสต้าคาดการณ์ว่า ปี 2568 ตลาด GenAI ไทยจะมีมูลค่า 312 ล้านดอลลาร์ อัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 41.5% จนถึงปี 2573 ซึ่งมูลค่าจะทะยานไปแตะ 1.8 พันล้านดอลลาร์

องค์กรต่างๆ กำลังเร่งปรับตัวเพื่อนำ Generative AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน จาก ปี 2566 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำพีโอซี ปีที่แล้วมีการริเริ่มโครงการต้นแบบ และปี 2568 นี้เป็นปีที่ธุรกิจนำมาประยุกต์ใช้งานจริงและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ

ที่น่าจับตามองคือ การมาของ Agentic AI, มัลติโมเดล ที่เลือกใช้หลายโมเดล ไม่จำเป็นต้องเป็นโมเดลขนาดใหญ่, การใช้โมเดลที่มาจากหลายสื่อ(Multiple models) และการสร้างมาตรฐานและกฎเกณฑ์การกำกับดูแล AI

เชื่อว่าในโลกของ AI ไม่มีโมเดลใดโมเดลหนึ่งจะครองโลกไปได้ตลอด ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะเลือกใช้งานแบบใด ดังนั้นบทบาทเอดับบลิวเอสพร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกราย อย่างล่าสุดบริการ GenAI Amazon Bedrock สามารถรองรับโมเดลจากผู้พัฒนาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Amazon เอง, AI21Labs, Meta, Anthropic, Cohere, stability.ai, รวมถึง Deepseek R-1 ฯลฯ

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ยังมี บริการใหม่ “Amazon Nova” โมเดลพื้นฐานรุ่นใหม่ที่มาพร้อมความสามารถล้ำสมัยในการทำงานหลากหลายรูปแบบ ที่จะเข้ามาสร้างมิติใหม่ให้กับโมเดล GenAI มาพร้อมกับความฉลาดขั้นสูงในราคาที่คุ้มค่า ปรับแต่งตามความต้องการ ตัวเลือกใหม่สำหรับคลังโมเดลพื้นฐานที่หลากหลายและทรงพลังสำหรับลูกค้าองค์กร

สานแผนลงทุนไทย ‘AWS Region’

แน่นอนว่าที่ให้ความสำคัญอย่างมากคือ “AWS Asia Pacific (Thailand) Region” ส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนในประเทศไทยกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานโดยเฉลี่ยกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี ส่งผลให้จีดีพีของไทยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์

จากเดือนม.ค.ที่ผ่านมาที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าในการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยภายในประเทศ

เบื้องต้นจากการทดลองใช้งานของลูกค้า ผลทดสอบพบว่าใช้เวลาน้อยลงเมื่อเทียบกับการเก็บข้อมูลที่สิงคโปร์เกือบสามเท่า ดังนั้นนอกจากจะเป็นการเก็บข้อมูลไว้ภายในประเทศแล้ว เกิดประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจที่ต้องการการประมวลผลแบบเรียลไทม์

ขณะเดียวกัน เปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตอบโจทย์ทั้งด้านความเร็ว และความหน่วงที่ลดลงมหาศาล ขณะนี้มีลูกค้าทยอยเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง

การมีเอดับบลิวเอสรีเจียนในประเทศไทยถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภาคธุรกิจ ด้วยประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการคลาวด์ที่ดีขึ้น ความหน่วงเวลาที่ต่ำลง และอัตราความพร้อมใช้งานที่สูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นในตลาด ทำให้องค์กรไทยสามารถพัฒนานวัตกรรม ให้บริการดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันยุคดิจิทัล

‘ลงทุนไอทีไทย’ ยังมีโอกาสโต

ผลจากการสำรวจล่าสุดเผยว่า ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจระดับองค์กรในประเทศไทย ร้อยทั้งร้อยเลือกที่จะร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีการดำเนินงานและโครงสร้างพื้นฐาน Availability Zone (AZ) ที่ตั้งอยู่ภายในประเทศ เนื่องจากสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้งานของแอปพลิเคชันและการจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยตามกฎระเบียบ

ด้วยการเปิดตัวรีเจียนใหม่ในไทย ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยภายในประเทศ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ตั้งอยู่ในไทย ทั้งรีเจียนแห่งใหม่ยังมาพร้อมบริการที่หลากหลายและครอบคลุม เพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์แอปพลิเคชันทุกรูปแบบ รวมถึงนวัตกรรมด้าน Generative AI

ส่วนของค่าใช้จ่าย ราคาค่าบริการเมื่อเปลี่ยนมาใช้บริการในไทยจะถูกกว่าที่สิงคโปร์ราว 10-15% ขึ้นอยู่กับบริการที่เลือกใช้งาน ลูกค้าเดิมอาจต้องใช้เวลาย้ายเวิร์กโหลด ทว่ารายใหม่ๆ สามารถย้ายเข้ามาได้ทันทีและมีเข้ามามาตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ

วัตสันวิเคราะห์ว่า ภาพรวมการใช้จ่ายไอทีในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากที่องค์กรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

แน่นอนว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอย่อมส่งผลกระทบ ทว่าธุรกิจจำต้องใช้พลังเทคโนโลยีในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด โดยเฉพาะบุคลากรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แต่ทั้งนี้การลงทุนจะมีความระมัดระวัง คำนึงถึงผลตอบแทนและความคุ้มค่ามากขึ้น

เราเชื่อว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งการสร้างคุณค่าทางธุรกิจจาก Generative AI อย่างแท้จริง หลังจากที่หลายองค์กรได้ทดลองและเรียนรู้การใช้งานเทคโนโลยีนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เอดับบลิวเอสเองพร้อมที่จะสนับสนุนลูกค้าในการนำ AI ไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน