'สมภพ' รับราคาประมูลคลื่นมือถือแพง โยนบอร์ดกสทช.ตัดสินใจปรับลดหรือไม่

'สมภพ' รับราคาประมูลคลื่นมือถือแพง โยนบอร์ดกสทช.ตัดสินใจปรับลดหรือไม่

กสทช.โทรคมฯ เอ่ยปากรับราคากลางประมูลคลื่นมือถืออยู่ในเกณฑ์สูง ตามความเห็นเอกชน ระบุหากจะปรับลดต้องชงเข้าที่ประชุมบอร์ดให้โหวตตัดใจ ตีกรอบเวลาประมูลพ.ค.นี้ ตามเดิม 6 ความถี่รวด

นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. ด้านโทรคมนคม เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ สำนักงาน กสทช. ได้จัดให้มีการรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เผยแพร่ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล สากล จำนวน 6 ความถี่ ประกอบด้วย 

  • 850 เมกะเฮิรตซ์
  • 1500 เมกะเฮิรตซ์  
  • 1800 เมกะเฮิรตซ์
  • 2100 เมกะเฮิรตซ์
  • 2300 เมกะเฮิรตซ์
  • 26 กิกะเฮิรตซ์

ในวันที่ 6 ก.พ. 2568 และได้ปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ไปเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น

โดยภาพรวมเอกชนส่วนใหญ่มีเสียงสะท้อนว่า ราคาตั้งต้นในการประมูลแต่ละคลื่นที่ทาง สำนักงาน กสทช.กำหนด มีราคาสูงเกินไป

“ความคิดเห็นส่วนตัวในเรื่องนี้ก็มองว่าราคาอาจจะสูงเกินไปเหมือนกับความเห็นของภาคเอกชน  อย่างไรก็ตาม หลังรับฟังความคิดเห็นแล้ว ราคาตั้งต้นประมูลจะปรับลดลงหรือไม่นั้น คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเองเพียงคนเดียว แต่เรื่องนี้ต้องอยู่ที่ความคิดเห็นของบอร์ด กสทช. แต่ละคนว่ามีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร เพราะบางท่านก็เห็นว่าไม่ควรมีราคาเริ่มประมูลถูกเกินไป จึงเป็นเรื่องที่บอร์ด กสทช.จะต้องมีการพิจารณารวมกัน” นายสมภพ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในการเปิดรับฟังความคิดเห็นนั้นทางผู้ให้บริการมือถือ ทั้ง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ต่างแสดงความเห็นว่าราคาเปิดประมูลแต่ละคลื่นสูงเกินไปไม่อิงกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน  โดยประเทศไทยมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือกว่า 100 ล้านราย โดยใช้เครือข่าย 4G ประมาณ 99.15% และ 5G ประมาณ 91% ทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2572 จะมีความต้องการใช้งานบรอดแบนด์เคลื่อนที่ภายในประเทศมากถึง 1,156 กิกะไบท์ต่อคนต่อปี และจะมีการประยุกต์ใช้ 5G ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตของภาคการเกษตร การจัดระเบียบเมืองให้ปลอดภัย การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่แม่นยำ การพัฒนาด้านการศึกษา รวมถึงการพัฒนาระบบการสื่อสารความเร็วสูงให้มีความทันสมัย รองรับกับความต้องการของประชาชน

สำหรับการเปิดประมูลครั้งนี้คาดว่าจะจัดประมูลพร้อมกันทุกคลื่นได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ รวมทั้งสิ้นจำนวน 450 เมกะเฮิรตซ์ รวมราคาเริ่มต้นมีมูลค่า 121,026 ล้านบาท ประกอบด้วย คลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 2 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 2x5 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 6,609 ล้านบาท คลื่น 1500 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 11 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 5 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 904 ล้านบาท คลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 7 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 2x5 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 6,219 ล้านบาท

ขณะที่คลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 12 ชุด ความถี่ ใบอนุญาตละ 2x5 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 3,391 ล้านบาท คลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 3 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 5 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 497 ล้านบาท คลื่น 2300 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 7 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 10 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 1,675 ล้านบาท และคลื่น 26 กิกะเฮิรตซ์ จำนวน 1 ชุดความถี่ ใบอนุญาตละ 100 เมกะเฮิรตซ์ ราคาเริ่มต้น 423 ล้านบาท