อีคอมเมิร์ซอาเซียนโต! รับอานิสงส์ 'ชำระเงินดิจิทัล - ค้าข้ามแดน'

"ไอดีซี" คาดการณ์ไว้ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึง 11.21 ล้านล้านบาท หรือราว 325,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2571
สำหรับปัจจัยสนับสนุน ที่สำคัญมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการชำระเงินดิจิทัล รวมถึงการเติบโตของการค้าข้ามพรมแดน
ดังนั้นการทำความเข้าใจภาพรวมของภูมิทัศน์การชำระเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการเข้าถึงเศรษฐกิจที่มีมูลค่าถึง 11.21 ล้านล้านบาท
ขณะเดียวกัน เพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงตลาด การนำเสนอวิธีการชำระเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับประสบการณ์โดยรวมของผู้บริโภค แต่ยังเพิ่มแนวโน้มในการซื้อสินค้า (conversion rate) ด้วย
ไฮไลต์ที่น่าสนใจจากการสำรวจของไอดีซี ร่วมกับ ทูซีทูพี(2C2P) และแอนทอมพบประเด็นที่น่าจับตามองดังนี้...
การเติบโตของการชำระเงินดิจิทัลในอีคอมเมิร์ซ: คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 การชำระเงินดิจิทัลจะมีสัดส่วนถึง 94% ของการชำระเงินทั้งหมดในตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยการเติบโตที่สำคัญที่สุดจะเป็นช่องทางการชำระเงินภายในประเทศ (97.9%) และกระเป๋าเงินดิจิทัล (94.9%) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคที่มีการใช้บัตรเครดิตน้อยกว่า
การเพิ่มขึ้นของการชำระเงินแบบเรียลไทม์ (RTPs): การชำระเงินแบบเรียลไทม์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2571 โดยคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 379.5 ล้านล้านบาท (หรือราว 11 ล้านล้านดอลลาร์)
จากผลสำรวจผู้ค้าในปี 2567 การเติบโตของการชำระแบบเรียลไทม์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับแรงผลักดันจากโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่มุ่งลดการพึ่งพาเงินสด และส่งเสริมวิธีการชำระเงินที่รวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำ ซึ่งตอบสนองความต้องการของทั้งผู้บริโภค และผู้ค้า
กระเป๋าเงินดิจิทัล และช่องทางการชำระเงินภายในประเทศครองความนิยม: กระเป๋าเงินดิจิทัล และช่องทางการชำระเงินภายในประเทศเป็นที่นิยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปี 2566 กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่ช่องทางการชำระเงินภายในประเทศครองความนิยมในสิงคโปร์ และไทย
แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567 โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับสอง จากผลสำรวจผู้ค้าในสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ และเป็นอันดับสามในอินโดนีเซีย และไทย
โอกาสสำคัญ ‘การค้าข้ามพรมแดน’
โอกาสในตลาดของธุรกิจการค้าข้ามพรมแดน: คาดว่า ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีมูลค่าสูงถึง 5.04 แสนล้านบาท (หรือราว 14.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2571 ซึ่งนับว่าเติบโตขึ้น 2.8 เท่าจากปี 2566
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ มูลค่าเฉลี่ยของการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อผู้บริโภค 1 คนมักจะมีมูลค่าสูงกว่าการทำธุรกรรมภายในประเทศ ยกเว้นที่เวียดนาม และอินโดนีเซีย สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคนี้
การขับเคลื่อนธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนด้วยโครงการ Regional Payment Connectivity (RPC): ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากโครงการ RPC ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศทั้ง 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้าง และปรับปรุงระบบชำระเงินระหว่างประเทศให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และคุ้มต้นทุนยิ่งขึ้น
ธุรกรรมข้ามพรมแดนให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น: จากการสำรวจพบว่า 62% ของผู้ค้าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนสามารถทำรายได้จากธุรกรรมดังกล่าวสูงกว่าธุรกรรมภายในประเทศ โดยเฉลี่ย 21%
ดังนั้น ผู้ค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้จากการมองหาตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน
ศักยภาพของการค้าภายในภูมิภาคที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่: แม้ว่าการค้าภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังมีการใช้ประโยชน์น้อยกว่าที่ควรในแต่ละตลาด
ดังนั้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ผู้ค้าจำเป็นต้องทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ พร้อมทั้งใช้ข้อได้เปรียบร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม ธุรกิจสามารถปลดล็อกศักยภาพของการค้าภายในภูมิภาค และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์