'ดีอี' ขอให้เชื่อรัฐบาล เงิน 10,000 เฟส 3 ผ่านแอปฯทางรัฐ ไม่ล่มแน่

รมว.ดีอี การันตีเงินหมื่นเฟสวัยรุ่น แอปฯ'ทางรัฐ' ไม่ล่มแน่ เชื่อคาปาซิตี้รองรับได้เพียงพอ ชี้ดีจีเอผู้พัฒนาระบบ จะมีการทดสอบระบบปฏิบัติการวันที่ 18 มี.ค.นี้
วันนี้ (17 มี.ค.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึง โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 หรือ เงิน 10,000 บาท เฟส 3 โดยรัฐบาบจะแจกให้กับกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน
โดยความคืบหน้าล่าสุด ภายในสัปดาห์นี้จะมีการทดสอบระบบปฏิบัติการ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกจะทดสอบวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) และครั้งที่ 2 ในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ ดีจีเอเป็นผู้พัฒนาระบบ และเตรียมจะส่งมอบให้กระทรวงดีอี
ซึ่งเบื้องต้นทดสอบระบบบ้างแล้วยังไม่พบอุปสรรคใดๆ และในส่วนของดีอีจะนำระบบมาดูเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยให้สํานักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เข้าไปดูด้วย
สำหรับการใช้งานดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จะใช้บริการผ่านแอปฯ ทางรัฐ ที่เชื่อมระบบ Open Loop กับสถาบันการเงิน โดยวิธีการต้องเข้าผ่านทางรัฐ แต่ตัวระบบจะแยกซ้ายแยกขวายังไงต้องดีอีกเรื่องหนึ่ง
“แอปฯทางรัฐ เป็นหน้ากาก เวลาลงทะเบียนทำผ่านทางรัฐ จึงต้องเข้าช่องนี้แต่จะไปเชื่อมช่องทางต่อไป ระบบเป็น้หมือนวอลเล็ต เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล“นายประเสริฐกล่าว
ขณะเดียวกัน เรื่องระบบมีการเตรียมแผนรับมือเมื่อการใช้ระบบแล้วจะเกิดเหตุขัดข้อง หรือล่มนั้น รัฐบาลได้แบ่งเป็นเฟส ในการใช้งานระบบ ด้วยศักยภาพของแอปฯ ทางรัฐ มั่นใจว่าไม่มีปัญหา และพร้อมรองรับการใช้งาน
สำหรับในเฟสถัดไปจากกลุ่มที่ลงทะเบียนอายุระหว่าง 21-59 ปีนั้น เรื่องนี้จะต้องผ่านการประชุมประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลงอลเล็ตก่อน ในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเฟสต่อไปอย่างไร ซึ่งยังตอบไม่ได้
นอกจากนี้ กลุ่มของผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน ดำเนินการได้และทำได้เหมือนกัน และมีการเปิดจุดให้ลงทะเบียน ทั้งนี้ ยืนยันอีกครั้งว่ากระทรวงดีอีสามารถดำเนินระบบดังกล่าวได้แน่นอน เนื่องจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ดีอีได้ตั้งสำนักงานดิจิทัลวอลเล็ตขึ้นที่กระทรวงดีอี ตั้งแต่เดือนธ.ค.67 เพราะกระทรวงดีอีจะเป็นผู้ดำเนินการระบบดังกล่าว
พร้อมกันนี้ กระทรวงดีอีสำนักงานสถิติแห่งชาติ และไปรษณีย์ไทย ร่วมมือดำเนินโครงการสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะปี 2568 รุกเก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนานโยบายสำหรับพัฒนาประเทศในอนาคต
โดยในปีนี้จะใช้วิธีการที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบสำมะโนแบบดิจิทัล(Digital Census) รูปแบบข้อความสั้น SMS รวมทั้งใช้เครือข่ายบุรุษไปรษณีย์ ภายใต้โครงการ “Postman Cloud”
ร่วมเก็บข้อมูลสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกตอบแบบสอบถามบนช่องทางดิจิทัล โดยจะเริ่มเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลและกระทรวงดีอีเชื่อมั่นว่าการสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะในปีนี้
จะมีความแม่นยำขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมาอย่างมาก โดยการสำรวจจะมีทั้งรูปแบบสำมะโนแบบดิจิทัล (Digital Census) รูปแบบข้อความสั้น SMS ผ่านความร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่