‘เอปสัน’ ชู 4 กลยุทธ์ดันธุรกิจ ‘โต’ ย้ำภาพเบอร์ 1 ตลาดเครื่องพิมพ์

‘เอปสัน’ ชู 4 กลยุทธ์ดันธุรกิจ ‘โต’ ย้ำภาพเบอร์ 1 ตลาดเครื่องพิมพ์

ยักษ์พรินเตอร์ “เอปสัน” กางยุทธศาสตร์ธุรกิจปี 68 ปักธงบุกหนักทุกตลาด สร้างตลาดใหม่ เพิ่มไลน์สินค้า ประสิทธิภาพช่องทางจำหน่าย ตั้งเป้าปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 6%

ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย)​ จำกัด แสดงวิสัยทัศน์ว่า ปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ซึ่งมีทั้งสนับสนุนและท้าทายการเติบโตทางธุรกิจของเอปสัน

โดยหนึ่งในเทรนด์หลักคือ “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน” ในองค์กรภาครัฐ ที่กระตุ้นความต้องการโซลูชันการพิมพ์และโปรเจคเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่กำลังขยายตัวจะเพิ่มความต้องการโซลูชันการพิมพ์ที่คุ้มค่าและประหยัดต้นทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ กรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ หรือ ESG (Environment, Social, Governance) จะช่วยเร่งให้ธุรกิจในประเทศไทยปรับตัวสู่การพิมพ์อย่างยั่งยืนมากขึ้น ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน อีคอมเมิร์ซที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะยอดขายสินค้าไอทีทางออนไลน์ที่เติบโตเร็วกว่าช่องทางออฟไลน์ ต้องเริ่มเผชิญกับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากแพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ต่างปรับขึ้นค่าธรรมเนียมอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งยังมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องจับตา โดยเฉพาะนโยบาย “Trump 2.0” ที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย การลงทุนและการย้ายฐานการผลิตของต่างชาติในประเทศไทย

เดินเกมรักษาตำแหน่ง ‘ผู้นำตลาด’

เอปสันตั้งเป้าเติบโตในปี 2568 ที่ 6% โดยมีกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรที่คาดว่าจะโดดเด่นที่สุด บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าด้วยแนวทางในการปรับตัว (Adaptability) และการก้าวนำตลาดอย่างต่อเนื่อง (Stay Ahead)

ผ่าน “4 กลยุทธ์หลัก” ได้แก่ 1. Innovation Offering นำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า 2. Agility in Channel เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย 3. Enhanced Customer Service ยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้า

ขณะที่ 4. Value Creation สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้เอปสันสามารถขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องพิมพ์ โปรเจคเตอร์ และโซลูชันทางธุรกิจ

ยรรยงเผยว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดปัจจุบันทำให้เอปสัน ประเทศไทยต้องปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ โดยที่ยังคงเป้าหมายทั้งในการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดที่เป็นอยู่ และสร้างตลาดใหม่ๆ เพื่อโอกาสทางธุรกิจ

ขณะเดียวกันเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน พยายามสื่อสารถึงคุณค่าในด้านนี้ผ่านผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจไปสู่คู่ค้าและสังคมไทยมาโดยตลอด

เอปสันต้องการรักษาความเป็นผู้นำทั้งในธุรกิจพรินเตอร์ โปรเจคเตอร์ รวมถึงบิสิเนสโซลูชัน มั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ที่ครอบคลุมรอบด้าน และคุณค่าด้านความยั่งยืนที่ยึดมั่นจะไม่เพียงช่วยสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์เอปสันในระยะยาว พร้อมกับสร้างการเปลี่ยนแปลงในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อความคุ้มค่าในการลงทุน คุณภาพชีวิตในที่ทำงานและที่บ้านที่ดีขึ้นของคนไทย

ส่วนของการลงทุนเพิ่มเติมในไทย เน้นด้านอินฟราสตรักเตอร์เพื่อยกระดับการบริการ การประกันสินค้า พัฒนาช่องทางจำหน่าย พันธมิตร และนำนวัตกรรมเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในหลายๆ มิติ

‘เข้มข้น’ ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

สำหรับ กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ มีแผนที่จะทำการตลาดอย่างเข้มข้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ กลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แทงค์ ตั้งเป้าจะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 45%, กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร ตั้งเป้าการเติบโตในกลุ่มธุรกิจบีทูบีไว้ที่ 20%

ขณะที่ กลุ่มโปรเจคเตอร์ตั้งเป้าที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดการศึกษา ทั้งยังตั้งเป้าที่จะขยายตลาดโปรเจคเตอร์ความสว่างสูงในกลุ่มลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 43% เป็น 50% ภายในปีนี้ ส่วนโฮมโปรเจคเตอร์ มีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดภายใน 2 ปี

ล่าสุด เตรียมเปิดตัวโปรเจคเตอร์สำหรับใช้ร่วมกับเครื่อง Golf Simulation โดยร่วมมือกับ 3 ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์กอล์ฟซิมูเลชันชั้นนำ พร้อมจับมือกับพันธมิตรกอล์ฟในการส่งเสริมการขาย และขยายความร่วมมือกับซอฟต์แวร์กอล์ฟ สนามกอล์ฟ โรงเรียนกอล์ฟ และสถาบันกอล์ฟ

‘โต’ สวนกระแสไอที-เศรษฐกิจ

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในปี 2567 เอปสันสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างระบบการขายของเอปสันในกลุ่มบีทูบีที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่มีการเติบโตมากที่สุด ได้แก่ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร กลุ่ม WorkForce Enterprise เครื่องพิมพ์ EcoTank เครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม กลุ่ม T-Series และโปรเจคเตอร์

นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมายังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ EcoTank ที่มีส่วนแบ่ง 43% ในตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์

ขณะที่ในตลาดโปรเจคเตอร์ยังคงแข็งแกร่งด้วยส่วนแบ่งรวม 52% ส่วนเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ในกลุ่ม Photo Proof ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งที่ 32% เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องพิมพ์ป้ายและเครื่องพิมพ์สิ่งทอที่ครองส่วนแบ่งตลาด 30% เท่ากัน

จีเอฟเคระบุว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดค้าปลีกไอทีประเทศไทยกลุ่มคอนซูมเมอร์ตกลงราว 2% แต่เชิงมูลค่าทรงตัวไม่เติบโต