Dairy Home จับมือ Ecolean หนุนใช้แพ็กเกจจิ้งรักษ์โลก
Dairy Home นมออร์แกนิกสัญชาติไทย ร่วมกับ Ecolean ผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกน้ำหนักเบาจากสวีเดน ใช้ “ถุง” ใส่นม แทนแกลลอนแบบเดิม ช่วยลดพลาสติกได้ถึง 90% เพิ่มมูลค่าถุงนมใช้แล้วเป็นสินค้าชุมชน ส่งออกเชิงพาณิชย์
อีโคลีน (Ecolean) ผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกน้ำหนักเบาจากประเทศสวีเดน จับมือพันธมิตรอย่าง แดรี่โฮม (Dairy Home) ผู้ผลิตนมออร์แกนิกในประเทศไทย เปลี่ยนจากการใช้ “ขวด” หรือ “แกลลอน” แบบเดิมๆ ที่มีน้ำหนักเยอะ มาเป็นการใช้ “ถุง” ใส่อาหารประเภทของเหลว
เช่น นม น้ำผลไม้ เพื่อง่ายต่อการนำกลับมารีไซเคิล ลดการใช้ปริมาณพลาสติกได้ 90% และลดขยะได้ร้อยละ 75 ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาสนใจผลิตภัณฑ์ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
ทันต์ธนัท คงชาญศิริ ผู้จัดการสำนักงานประจำประเทศไทย ของบริษัท อีโคลีน เอสอี เอเชีย เอสดีเอ็น บีเอชดี จำกัด กล่าวว่า อีโคลีนเป็นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์จากประเทศสวีเดน ที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตน้อยแต่ยืดหยุ่น มีน้ำหนักที่เบาขึ้น 50%
โดยถุงขนาด 1 ลิตร หนักเพียง 14 กรัม ซึ่งเบากว่ากล่องหรือขวดปกติ ร้อยละ 50-60 และยังง่ายต่อการรีไซเคิล มีส่วนผสมของพลาสติกที่น้อย สามารถม้วนพับจัดเก็บง่าย เพิ่มพื้นที่ก่อนการทิ้งหรือก่อนการขนส่ง
กระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์อีโคลีนใช้พลังงาน ใช้น้ำ และปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารที่เป็นของเหลวอื่นๆ ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นขวดแก้ว ขวดพลาสติก หรือกล่องนมกระดาษ
วัสดุที่ใช้ทำถุงของอีโคลีนมีชื่อทางการค้าว่า CalymerTM ซึ่งทำจากพลาสติก (พอลิเอธิลีนและพอลิพรอพิลีน) ผสมกับหินปูน (แคลเซียมคาร์บอเนต) ร้อยละ 40 จึงช่วยลดปริมาณการใช้ เม็ดพลาสติก และทำให้ตัวบรรจุภัณฑ์มีสีขาวเหมาะกับการพิมพ์ลาย
นอกจากนี้ อีโคลีนได้ชื่อว่าเป็นบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก และแทบจะกลายเป็นผู้ครองตลาดบรรจุภัณฑ์ Aseptic เพียงรายเดียวในหลายประเทศเนื่องจากได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นม และอาหารเหลว
อาทิ NUTIFOOD และ Vinamilk ในประเทศเวียดนาม, CHIBA LOTTE MARINES ในประเทศญี่ปุ่น, Vilac ในเกาหลี, SO GOOD FOODS ในประเทศอินโดนีเซีย และ TATUA ในประเทศนิวซีแลนด์
ธุรกิจสายกรีนตอบโจทย์ผู้บริโภค
ทางด้าน พฤฒิ เกิดชูชื่น กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งแดรี่โฮม กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้วตนเองได้ไปนิทรรศการความยั่งยืน ณ ประเทศสวีเดน และได้เจอกับอีโคลีน เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจนมออร์แกนิกของตนเองอย่างมาก มองว่าทั้งแดรี่โฮม และอีโคลีนต่างมีอุดมการณ์ร่วมกันในการที่จะทำธุรกิจที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อีโคลีนได้ออกแบบการใส่อาหารเหลวประเภทนมของแดรี่โฮมด้วย “ถุง” เปลี่ยนจากแกลลอนพลาสติกความจุ 1,200 มิลลิลิตร กลายเป็นแบบถุง 1,000 มิลลิลิตร โดยถุงนี้ใช้พลาสติกในการผลิตเพียง 10 กรัม ลดปริมาณการใช้พลาสติกไปได้ราว 90% เมื่อเทียบกับขวดแกลลอนที่ใช้พลาสติกประมาณ 74 กรัม
ซึ่งถุงที่ถูกออกแบบจะมีความสะดวกต่อการใช้งานของผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมการเปิด-ปิดถุงแบบ Snap Quick มีด้ามจับที่บรรจุอากาศที่แน่นกระชับ จับถนัดมือ สามารถเทนมลงในภาชนะได้ง่าย รีดได้หมดจนหยดสุดท้าย ทำให้ไม่เหลือเศษอาหาร และช่วยยืดอายุของอาหารให้เก็บได้นานขึ้น
บรรจุภัณฑ์ของอีโคลีนยังสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย เพราะผลิตจากวัสดุที่ปราศจากอะลูมิเนียม เครื่องจักรสำหรับการบรรจุที่สามารถบรรจุผลิตภัณฑ์ได้ด้วยความเร็ว 6,000 - 9,000 ถุงต่อชั่วโมง
ทำให้แดรี่โฮมสามารถผลิตนมจากน้ำนม 1 วันในปริมาณ 7,000 ถุง และปลอดจากเชื้อโรคปนเปื้อน ที่สำคัญคือ สามารถเก็บรักษารสชาติ กลิ่น สี และคุณค่าทางโภชนาการของน้ำนมไว้ได้เป็นระยะเวลานานในสภาพแวดล้อมปกติ โดยไม่ใส่สารกันบูด
“ก่อนหน้านี้อีโคลีนยังไม่มีบริษัทลูกที่ประเทศไทย แดรี่โฮมจึงยังใช้บรรจุภัณฑ์ดั้งเดิม มันค่อนข้างสวนทางกับธุรกิจของเราคือ เราเป็นนมออร์แกนิกที่ดีต่อผู้บริโภคแต่ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม การเข้ามาของอีโคลีนจึงนับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าผลิตภัณฑ์นมของเรานั้นช่วยดูแลสุขภาพของมนุษย์ และยังช่วยโลกได้ ทำให้แบรนด์เราแข็งแกร่งขึ้นในด้านความยั่งยืน”
ทั้งนี้ แดรี่โฮมได้ทำการวิจัยร่วมกับอุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันพลาสติกแล้วว่า ถุงนมของอีโคลีนสามารถเก็บกลับมา และแปรรูปเป็นวัสดุรีไซเคิล สามารถใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับขึ้นรูปเพื่อสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้หลากหลาย และยังช่วยลดต้นทุนเม็ดพลาสติก และต้นทุนพลังงานของกระบวนการผลิตลงได้กว่า 1 ใน 3 หรือราว 33%
นอกจากนี้ การออกแบบลวดลายบนถุงนมโดยอีโคลีนก็ยังเป็นที่ตอบโจทย์ต่อตลาด เมื่อนำนมแดรี่โฮมไปวางไว้บนเชลฟ์ตามห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตก็เป็นที่โดดเด่น
นวัตกรรมชูความยั่งยืน
“แดรี่โฮมเป็นวิสาหกิจชุมชนที่สนับสนุนให้ชาวบ้านในละแวกให้มีรายได้ การใช้ซองนมที่ออกแบบโดยอีโคลีนทำให้เกิดการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ กล่าวคือ เมื่อผู้บริโภคซื้อนมแดรี่โฮมไปก็สามารถเก็บถุงไว้และส่งกลับมาให้ทางโรงงาน เพื่อนำไปให้ชาวบ้านได้สร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอนนี้ก็มีหลากหลายรูปแบบที่สร้างจากถุงนมและใช้ได้จริง
เช่น กระเป๋า ที่วางขายในร้านแดรี่โฮม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การผลิตน้ำนมจากฟาร์มออร์แกนิก และสามารถลดขยะจากถุงพลาสติกได้อีกด้วย” พฤฒิ กล่าว
สอดคล้องกับ Circular Economy ที่โลกกำลังให้ความสนใจ และพัฒนาโมเดลนี้อย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งความสำเร็จที่สามารถการันตีคุณภาพของบรรจุภัณฑ์อีโคลีน คือ การที่แดรี่โฮม ได้รับรางวัล DEmark Award 2022 ในสาขากลุ่มการออกแบบบรรจุภัณฑ์ จากกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
“เราตั้งใจว่าจะร่วมกันขับเคลื่อนอีโคลีนไปพร้อมกับแดรี่โฮม เพื่อผลักดันให้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่เทรนด์รักษ์โลก มาๆ ไปๆ แต่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน และยังนำเสนอแบรนด์ให้เป็นที่จดจำของผู้บริโภคได้มากขึ้น” ทันต์ธนัท ชี้จุดสรุป