รพ.สัตว์ทองหล่อ ดึง ‘ไฮด์แอนด์ซีค’ ทรายแมวออร์แกนิก รุกตลาดสัตว์เลี้ยง
เอ็นไอเอ ปลื้ม “ไฮด์แอนซีค” นิลมังกรไทยตัวแรก เตรียมขยายตลาดทาสแมว ผ่านโมเดลร่วมทุนกับบิ๊กธุรกิจ พร้อมลุยปั้น “นิลมังกร รุ่น 2” เพิ่มวิสาหกิจ ฐานนวัตกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ
ค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงเด็กคนหนึ่งนั้นมีจำนวนที่สูง กว่าจะส่งลูกหลานของตนเองให้จบมหาวิทยาลัยหรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้เป็นเรื่องที่ยาก ในเศรษฐกิจหลังเกิดโรคระบาด สภาพสังคม และสิ่งแวดล้อมยังมีเรื่องต้องรอให้แก้ไขอีกมากมาย
ผู้คนจึงนิยมหันมาเลี้ยงสัตว์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง ทั้งยังต้องการควบคุมความดูแลให้แคบลง เพราะสัตว์เลี้ยงไม่จำเป็นต้องเข้าโรงเรียนหรือทำกิจกรรมอย่างที่มนุษย์ทำ
2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงประเภท “แมว” เติบโตถึง 10% และขยายตัวต่อเนื่องจากคู่รักที่ไม่มีบุตร กลุ่ม LGBTQ และกลุ่มผู้สูงวัย ที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอยในเรื่องอาหาร ของใช้ รวมถึงบริการต่าง ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง หรือที่เรียกกันว่าพร้อมเป็น “ทาสแมว”
สำนักงานนวัตกรรม (NIA) เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าว จึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จำกัด และบริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด ลงทุนในธุรกิจทรายแมว “ไฮด์แอนด์ซีค” เพื่อร่วมพัฒนาแบรนด์คนไทยออกสู่ตลาดโลก
นอกจากนี้ ทรายแมวไฮด์แอนด์ซีคยังเป็นผู้ชนะจากเวที “แข่งขันสุดยอดธุรกิจนวัตกรรม” หรือ “นิลมังกร 2565” กับการผลิตสินค้านวัตกรรมที่ช่วยสร้างโอกาสการแข่งขันกับตลาดจนเป็นที่รู้จัก โดยใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลัง 100% สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับมันสำปะหลังที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยได้ถึง 16 เท่า
นิลมังกรตัวแรกของไทย
กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า โครงการประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หรือ นิลมังกร เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจ กับภาคีเครือข่าย 20 หน่วยงานทั่วประเทศ
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สร้างมูลค่าและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือบริการนวัตกรรม เพื่อเฟ้นหาผู้ประกอบการทั้งเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัปในภูมิภาคที่มีการนำอัตลักษณ์ของพื้นที่มาสร้างสรรค์ร่วมกับการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน
ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของการให้ความบันเทิงควบคู่ไปกับสาระ ภายใต้ “รายการนิลมังกรเดอะเรียลลิตี้” ซึ่งจากการดำเนินโครงการสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นให้กับทั้ง 20 แบรนด์นวัตกรรมไทยได้กว่า 400 ล้านบาท
“การที่ทรายแมวไฮด์แอนด์ซีคได้เป็นนิลมังกรตัวแรก จนทำให้เกิดการร่วมทุนเพื่อขยายธุรกิจในครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า ศักยภาพของคนไทยนั้นมีเหลือล้น แต่ยังขาดทุนและพื้นที่สำหรับแนะนำแบรนด์ของตนเอง NIA จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา พร้อมผลักดันผู้ประกอบการให้ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว” รองผอ. NIA กล่าว
การแข่งขันเริ่มจากคัดเลือกทีมผู้ประกอบการ สตาร์ตอัป เอสเอมอี จากทุกภาคในประเทศไทย ซึ่งในครั้งที่ผ่านมามีผู้ส่งเข้าประกวดร่วม 1,000 กว่าธุรกิจ และได้คัดเลือกจนเหลือ 120, 30 และ 20 จนได้ผู้ชนะตามลำดับ
120 ธุรกิจที่ร่วมโครงการจะได้เวิร์คช็อป และร่วมทำกิจกรรม เพื่อพัฒนาจุดที่ต้องปรับปรุงของธุรกิจตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ก็มีโอกาสขยายธุรกิจของตนเองผ่านโครงการนี้ โดยจากการสำรวจธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการเติบโตถึง 3 - 5%
นอกจากนี้ การแข่งขันนิลมังกรไม่ได้มีเพื่อผู้ประกอบการอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์กับผู้คนอีกหลายกลุ่ม เช่น ภาคเอกชนที่ต้องการลงทุนก็สามารถมาหยิบจับสตาร์ตอัปที่มีไอเดียดี ๆ จากโครงการตรงนี้ได้
และนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่สนใจอื่น ๆ ก็สามารถรับชมนิลมังกรเดอะเรียลลิตี้ สร้างเสริมประสบการณ์ หาแรงบันดาลใจได้อีกด้วย ทั้งนี้ เตรียมรอพบกับนิลมังกรเดอะเรียลริตี้ ซีซั่น 2 ได้ปลายปี 2566 นี้
นวัตกรรมออร์แกนิกเพื่อสัตว์เลี้ยง
วัฒนพร ตั้งสง่า ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการ บริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรายการนิลมังกรเดอะเรียลริตี้ รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 6.5 เท่า ภายในระยะเวลา 3 เดือน และมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 50 เท่า ภายในระยะเวลา 2.5 ปี นับว่าเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในปี 2566 บริษัทได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น “ทรายแมวเปลี่ยนสี” คิดค้นร่วมกับ คเณศ วงษ์ระวี รองศาสตราจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ลัญจกร อมรกิจบำรุง หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ผ่านการรับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อพัฒนาสูตร
จุดเด่นของทรายแมวเปลี่ยนสีจะช่วยติดตามอาการป่วยของแมวจากการปัสสาวะได้ ผู้เลี้ยงจะสามารถทราบถึงความผิดปกติของแมวได้ล่วงหน้า เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที ทางบริษัทรับฟีดแบคจากลูกค้า ในเรื่องของกลิ่นและการจับตัว จนสามารถแก้ไขจุดบกพร่องดังกล่าวได้สำเร็จ
โดยผลิตภัณฑ์ทรายแมวได้รับรางวัลเหรียญทองสิ่งประดิษฐ์จาก Korea Invention Promotion Association สาธารณรัฐเกาหลี และรางวัล The Best Innovation จากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
ในปี 2565 ทำยอดขายอยู่ที่ 8 ล้านบาท และปี 2566 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายให้มียอดขายจำนวน 20 ล้านบาท ส่งออกต่างประเทศ 25% ได้แก่ อเมริกา เกาหลีใต้ มาเลเซีย ออสเตรีย อินเดีย และดูไบ ซึ่งคาดว่าการเข้าร่วมทุนในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้เป้าหมายที่วางไว้สำเร็จได้
“สิ่งที่เราทำคือเราอยากเปลี่ยนทัศนคติของคนไทย สร้างความเชื่อมั่นว่าคนไทยสามารถสร้างผลิตภัณฑ์เทียบเท่ากับต่างประเทศได้ ช่วยทำให้คนไทยหันมาอุดหนุนคนไทยด้วยกัน ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ” วัฒนพร แสดงทัศนะ
การเข้ามาของเอกชนสู่ตลาดระดับโลก
พูลเพิ่ม ทองเจริญพูลพร กรรมการบริษัท กรรมการบริษัท และผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทรายแมว ไฮด์แอนด์ซีค เป็นสินค้าที่มีความน่าสนใจ ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้
นอกจากนี้ ก็ยังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่นิยมเลี้ยงสัตว์ระบบปิด ในคอนโด หอพัก และอพาร์ตเมนต์ เพราะหลังจากแมวใช้เสร็จก็สามารถตักทิ้งชักโครกโดยไม่ส่งกลิ่นรบกวนบรรยากาศภายในห้อง
โดยได้เชิญ บุญปวีณ บุญมีโชติ นักลงทุนอิสระ และผู้จัดการแผนกจัดซื้อและวางแผน บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด เข้าร่วมการลงทุนในครั้งนี้ เพื่อผลักดันเรื่องของการปรับปรุงกระบวนการผลิต การลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการผลิต รวมถึงช่องทางการจำหน่าย และเพิ่มโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์ทรายแมวไปขายยังต่างประเทศอีกด้วย
ก่อนจะตัดสินร่วมทุนก็ได้นำไปใช้กับแมวที่บ้าน ใช้แล้วแมวชอบ เราก็ชอบ ทุกฝ่ายต่างแฮปปี้ จึงอยากส่งต่อนวัตกรรมดี ๆ ของคนไทยแบบนี้ให้กับคนอื่น และมองเห็นโอกาสการเติบโต จึงตัดสินใจร่วมลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจร่วมกัน” บุญปวีณ ชี้แจง