บิล เกตส์ มองประโยชน์และคำสาปของปัญญาประดิษฐ์ | ไสว บุญมา
ปัญญาประดิษฐ์ทำให้บิล เกตส์ตื่นเต้นมาก เรื่องนี้ดูได้จากพฤติกรรมของเขาซึ่งแสดงออกมาทั้งทางคำพูดและการลงทุนเพื่อสนับสนุนกิจการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์
แม้เขาจะเกษียณตัวเองจากบริษัทไมโครซอฟท์ ที่ทำให้เขาเป็นอภิมหาเศรษฐีหลายปีแล้ว แต่เขายังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาซึ่งมีบทบาทสูงมาก
ไมโครซอฟท์ใช้เงินทุนหลักหมื่นล้านดอลลาร์ สนับสนุนบริษัทที่ผลิตโปรแกรม หรือหุ่นยนต์ดิจิทัลแสนรู้ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นอย่างกว้างขวางชื่อ ChatGPT ออกมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บิล เกตส์เผยแพร่ความคิดของเขาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ผ่านบทความและบันทึกของเขาชื่อ The Gates Notes ซึ่งคอลัมน์นี้เคยอ้างถึงแล้ว
ในบทความชื่อ The Age of AI has begun หรือยุคของปัญญาประดิษฐ์เริ่มต้นแล้ว บิล เกตส์คาดว่า การเกิดของปัญญาประดิษฐ์จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในสังคมมนุษย์แบบก้าวกระโดดแน่นอน
มองจากบริบทของความเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากเทคโนโลยีใหม่ การเปลี่ยนแปลงที่บิล เกตส์คาดไว้อาจมองได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดครั้งที่ 3 หรือบางทีเรียกกันว่า คลื่นลูกที่ 3 ซึ่งมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน
หรืออาจจะมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดครั้งที่ 4 ก็น่าจะได้ หลังจากปัญญาประดิษฐ์พัฒนาไปอีกชั่วระยะหนึ่งจึงจะบอกได้แน่นอนว่ามันก่อให้เกิดคลื่นลูกที่ 4 จริงหรือไม่
มองย้อนไปไม่นานนักจะพบว่า คลื่นลูกที่ 4 น่าจะเกิดขึ้นแล้วหลังจากนักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในด้านการถอดรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต
ความสำเร็จนั้นปูทางไปสู่การสร้างเทคโนโลยีใหม่ซึ่งคาดว่าจะเอื้อให้มนุษย์อยู่ไปได้ตามความประสงค์ หรือไม่ตายหากไม่ประสงค์ เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น
ได้แก่ การทำสำเนาร่างกายที่เรียกว่า cloning ของแกะเมื่อปี 2539 มนุษย์เราสามารถสำเนาสัตว์ได้ก่อนนั้นแล้ว แต่การสำเนาแกะดังกล่าวเป็นการทำสำเร็จครั้งแรกจากเซลล์ทั่วไปในร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (แกะสำเนาตัวนั้นอยู่ได้ 6 ปี)
การสำเนาแกะ ได้นำไปสู่แนวคิดเรื่องการสำเนามนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดการถกกันอย่างเข้มข้นในหลายวงการรวมทั้งด้านศาสนาและศีลธรรมจรรยาของมนุษย์
การถกกันนั้นนำไปสู่ข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่ห้ามการสำเนามนุษย์ซึ่งจะสามารถอยู่ต่อไปได้แบบไม่มีวันสิ้นสุด จากการสำเนา คลื่นลูกที่ 4 จากเทคโนโลยีชีววิศวกรรมจึงไม่เกิดขึ้น
คลื่นลูกที่ 4 จะเกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์หรือไม่ อาจมองได้จากเรื่องของการสำเนาร่างกายประกอบกับคำเตือนของบิล เกตส์
ในบทความดังกล่าว บิล เกตส์พูดถึงประโยชน์มหาศาลที่จะเกิดจากปัญญาประดิษฐ์รวมทั้งในด้านการศึกษา ด้านการดูแลสุขภาพและด้านการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมมนุษย์
การมองประโยชน์ของเทคโนโลยีในแนวนี้บิล เกตส์พูดถึงมานานย้อนไปถึงการเขียนหนังสือเล่มแรกของเขาเมื่อเกือบ 30 ปีก่อนเรื่อง The Road Ahead (มีบทคัดย่อภาษาไทยอยู่ในเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา )
แต่ครั้งนี้เขามีความกังวลสูงมากแนบมาด้วย เนื่องจากหากไม่ควบคุมการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างจริงจัง มันจะสร้างปัญหาร้ายแรงยิ่ง สิ่งที่บิล เกตส์แสดงความกังวลตรงกับประเด็น “คำสาปของเทคโนโลยี” (The Curse of Technology) ที่ผมพูดถึงมานานถึงแม้เขาจะมิได้ใช้คำนี้ก็ตาม
ความกังวลของบิล เกตส์เข้าใจไม่ยากเนื่องจากเมื่อ ChatGPT แสดงให้เห็นว่ามันสามารถทำสิ่งต่าง ๆ แทนนักเรียนได้ นักการศึกษาออกมาแสดงความกังวลและถกกันอย่างเข้มข้นทันทีว่า มันจะทำให้กระบวนการศึกษาของเยาวชนเป็นง่อยหรือไม่ และควรจะให้ใช้ในโรงเรียนได้เท่าไร
โรงเรียนบางแห่งในสหรัฐห้ามใช้ไปแล้ว ในขณะนี้ดูจะยังไม่มีการพูดถึงว่าการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างอาวุธจะนำไปสู่อะไรเพราะทุกครั้งที่มีเทคโนโลยีใหม่มหาอำนาจจะนำไปใช้ในการสร้างอาวุธทันที
และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ หากปัญญาประดิษฐ์สามารถคิดเองได้ไม่ต่างกับมนุษย์ ขั้นต่อไปมันจะคิดทำลายล้างมนุษย์เพราะมองว่าเป็นศัตรู หรือคู่แข่งของมันหรือไม่
คำถามอันเกิดจากความกังวลเหล่านั้น อาจนำไปสู่การยุติการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในบางด้าน เช่นเดียวกับการยุติการใช้เทคโนโลยีชีววิศวกรรมสำเนามนุษย์
หากมันเกิดขึ้น ปัญญาประดิษฐ์อาจไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดในสังคมมนุษย์จนเป็นคลื่นลูกที่ 4 ก็ได้.