Nvidia บริษัทมูลค่าสูงที่คนรู้จักน้อยที่สุด | พสุ เดชะรินทร์
ถ้านึกถึงบริษัทอเมริกาที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก หรือ ที่เรียกว่า $1 Trillion Club ก็จะพบว่ามีแต่บริษัทที่ชื่อเป็นที่คุ้นเคยของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Apple, Alphabet, Microsoft หรือ Amazon
แต่เมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็มีอีกบริษัทหนึ่งที่มูลค่าบริษัทได้แตะไปที่ $1 Trillion ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาไม่นาน แต่ก็ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก บริษัทดังกล่าวคือ Nvidia ซึ่งหลายท่านอาจจะสงสัยว่า Nvidia คือบริษัทอะไร
Nvidia ถูกตั้งขึ้นมาในปี 1993 โดย Jen-Hsun ‘Jensen’ Huang, Curtis Priem, Chris Malachowsky โดยทั้งสามมีความเชื่อร่วมกันว่าทิศทางของคอมพิวเตอร์ในอนาคต จะเป็นในเรื่องของภาพหรือ graphic แต่ชิปคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่จะไม่สามารถรองรับการประมวลผลที่มีภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากเช่นเกมคอมพิวเตอร์ได้
เมื่อจะซื้อคอมพิวเตอร์ ปัจจัยหนึ่งที่จะพิจารณาคือ CPU หรือ Central Processing Unit ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกลางที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูล เมื่อเกมคอมพิวเตอร์พัฒนาไปมากขึ้น มีการเคลื่อนไหว มิติต่างๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น CPU แบบเดิมก็ไม่เพียงพอ
ดังนั้น ในปี 1999 Nvidia จึงได้เปิดตัว GPU หรือ Graphics Processing Unit ของตนเองขึ้นมา ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อประมวลผลด้านกราฟฟิกโดยเฉพาะ และประสบความสำเร็จเหนือคู่แข่งเนื่องจากคุณภาพที่ดีกว่า
เวลาผ่านไป เมื่อ GPU สำหรับเกมเริ่มอิ่มตัว โดย Nvidia ก็เป็นหนึ่งในสองบริษัทที่ครองตลาดอยู่ ทาง Nvidia ก็ได้พัฒนา GPU ของตนเองเพื่อให้รองรับการใช้งานอื่นๆ ที่ต้องการพลังประมวลผลที่มีกำลังสูงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คริปโท Metaverse หรือ AI
ช่วงที่การขุดเหมืองคริปโทกำลังเป็นที่นิยม GPU ของ Nvidia ถึงขั้นขาดตลาด เนื่องจากนักขุดเหมืองคริปโตพบว่า GPU มีความเหมาะสมในการนำมาใช้ขุดหาคริปโทได้ดี แม้เมื่อตลาดคริปโตเริ่มอยู่ในช่วงขาลง ราคาหุ้นของ Nvidia จะตกตามเช่นกัน แต่เมื่อเข้าสู่ยุคการเติบโตของ AI ทั้งยอดขายและหุ้นของ Nvidia ก็เติบโตตามไปด้วย
Nvidia มาเป็นข่าวดังทั่วโลกช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากทางบริษัทได้ประกาศว่าจากความตื่นตัวของ AI ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้คาดว่ายอดขายของตนเองจะเติบโตขึ้นกว่า 60% จนทาง Nvidia ต้องเร่งผลิตชิปสำหรับ AI เพื่อให้สามารถรองรับต่อความต้องการที่เกิดขึ้น
ความตื่นตัวของ AI ทำให้ต้องการระบบประมวลผลที่มีกำลังสูงและได้รับการออกแบบมาสำหรับ AI โดยเฉพาะ และเมื่อระบบ AI จำนวนมากถูกฝากไว้ที่ Datacenter ต่างๆ ทำให้บรรดา Datacenter ต้องเร่งปรับโครงสร้างพื้นฐานของตนเองให้รองรับต่อการเติบโตด้าน AI และต้องการชิป สำหรับ AI มากขึ้น
จนในปัจจุบันยอดขายของชิป Nvidia ที่มาจาก Datacenter นั้นสูงกว่าจากเกมคอมพิวเตอร์แล้ว มีการคาดการณ์ว่าเพื่อพัฒนา ChatGPT เพื่อให้คนส่วนมากใช้ได้นั้น จะต้องใช้ GPU ของ Nvidia เกือบ 10,000 ชิ้นเลยทีเดียว
ราคาหุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าในช่วงเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับความตื่นตัวเรื่อง AI ขณะที่นักวิเคราะห์ก็เริ่มมองว่าในโลกยุคที่ AI นั้น Nvidia จะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก
เพราะไม่ว่ายักษ์ใหญ่ เช่น Microsoft หรือ Google จะแข่งกันพัฒนา AI ไปอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วขุมพลังที่อยู่เบื้องหลัง AI ทั้งหมดก็ต้องมาจาก Nvidia
ถึงแม้ Nvidia จะเป็นผู้นำในตลาดชิปสำหรับ AI แต่การแข่งขันก็ยังมีอยู่ทั้งจากคู่แข่งรายเดิม (เช่น Intel) รวมทั้ง Startups ด้วย โดย Intel นั้นก็ได้ออกชิปสำหรับ AI ขึ้นมา แต่ดูเหมือนความเป็นเจ้าตลาด CPU ในอดีตจะไม่ได้ช่วย Intel เท่าไร ราคาหุ้นของ Intel ตกอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบัน Nvidia มีมูลค่าบริษัทสูงกว่า Intel ถึงเกือบ 8 เท่า
จากกรณีของ Nvidia พบว่าเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว บริษัทที่ได้ประโยชน์ คือบริษัทที่เป็นขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังที่จะทำให้เทคโนโลยีสามารถเกิดและเติบโตได้ สำคัญคือบริษัทนั้นจะต้องรู้จักที่จะพัฒนาและปรับตนเองอย่างรวดเร็วด้วย