อว.คิกออฟปี 67 ใช้ "เอกสารอิเล็กทรอนิกส์" ระหว่างหน่วยงาน
อว. คิกออฟปี 67 ใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงาน ผ่านระบบใบรับรองดิจิทัล Thai University Consortium ที่พัฒนาขึ้นเอง ลดใช้กระดาษ ลดค่าใช้จ่าย จัดส่งเอกสารได้รวดเร็ว ถูกต้องและป้องกันการสูญหายของเอกสาร
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า อว. ได้ออกประกาศ เรื่อง การใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์และลายมือชื่อดิจิทัลภายใต้ใบรับรองดิจิทัล Thai University Consortium (TUC) ซึ่งพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)
เพื่อให้หน่วยงานและสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งในสังกัด อว. สามารถปรับใช้ในงานทางธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานภายใน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งภายใต้ระบบ TUC นี้ อว. จะให้หน่วยงานและสถาบันอุดมศึกษาในสังกัด ติดต่อ (รับ-ส่ง) เอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
เช่น ระหว่าง สถาบันอุดมศึกษาด้วยกัน ระหว่างสำนักงานปลัด อว.และสถาบันอุดมศึกษา ระหว่างองค์การมหาชน องค์กรอิสระ และรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น
โดยจะเริ่มในปี 2567 นี้ ในกลุ่มเอกสารประเภท หนังสือเวียนแจ้งเรื่องทั่วไป หนังสือตอบโต้ทั่วไป และหนังสือเชิญประชุม อบรม สัมมนา ซึ่งเอกสารเหล่านี้มีจำนวนมาก
เมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ลายมือชื่อดิจิทัล ภายใต้ใบรับรองดิจิทัล TUC นี้ จะช่วยลดการใช้เอกสารกระดาษได้จำนวนมาก ลดค่าใช้จ่าย ทำให้การส่งเอกสารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง เชื่อถือได้ และป้องกันการสูญหายของเอกสารได้ โดยหากมีหน่วยงานราชการใดสนใจมาขอใช้ระบบนี้ อว. ก็ยินดีให้การสนับสนุน
ด้าน ผศ.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายดิจิทัล มข. กล่าวถึงแนวทางการนำระบบการลงลายมือชื่อดิจิทัลภายใต้ใบรับรองดิจิทัล TUC ที่ มข. เป็นผู้พัฒนาและเป็นต้นแบบในการใช้ มาใช้ทั้งกระทรวง อว. ว่า นี่เป็นวิธีการที่เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานใน อว. มาก
ทำให้การรับส่งหนังสือหรือเอกสารระหว่างกันอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ สามารถตรวจสอบและขยายผลไปสู่การใช้งานในทุก ๆ เอกสารโดยเฉพาะเอกสารสำคัญ เช่น ทรานสคริปส์ หนังสือรับรองต่าง ๆ ใบเสร็จรับเงิน รวมถึงการทำข้อตกลงต่าง ๆ
“ที่ผ่านมา มข. ได้นำร่องใช้การลงลายมือชื่อดิจิทัลภายใต้ใบรับรองดิจิทัล TUC ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เป็นจำนวนไม่น้อย เพราะการต้องจัดซื้อลายมือชื่อลักษณะเดียวกันจากผู้ออกใบรับรองดิจิทัลสากล จะมีค่าใช้จ่าย 1,500 ต่อคนต่อปี รวมแล้วต้องใช้งบประมาณถึงปีละ 15 ล้านบาท
ซึ่งหากนำการลงลายมือชื่อดิจิทัลภายใต้ใบรับรองดิจิทัล TUC มาใช้ในทุกหน่วยงานใน อว. ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้กับประเทศชาติได้เป็นจำนวนมาก และยังสามารถขยายถึงนักศึกษาที่ต้องทำธุรกรรมกับมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่สำคัญยังเป็นการสร้างกำลังคนของประเทศ ที่เข้าใจเรื่องธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้อีกด้วย” ผศ.เด่นพงษ์ กล่าว