สจล.โชว์ ‘อีเซีย’ (EASEA) ลูกประคบไฮเทค พิชิตออฟฟิศซินโดรม

รศ.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  กล่าวว่า สจล. ส่งเสริมการพัฒนา Deep Tech เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ประโยชน์ต่อคนไทย สังคม และเศรษฐกิจยุคใหม่ วิถีชีวิตในปัจจุบัน 

ทีมสตาร์ตอัป Electron Plus คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาฟิสิกส์ สจล. คิดค้นนวัตกรรม ‘อีเซีย’ (EASEA) ลูกประคบไฮเทค อุปกรณ์การนวดเพื่อสุขภาพแบบพกพา ซึ่งใช้เทคโนโลยี Flexible Thermoelectric 

เพื่อตอบโจทย์ภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม บรรเทาอาการปวดเมื่อยและมอบความผ่อนคลาย ใช้งานง่ายและสะดวก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมหนุนนโยบายเศรษฐกิจ BCG และ Soft Power การนวดแผนไทยด้วยเทคโนโลยีและดีไซน์ทันสมัย

'ออฟฟิศซินโดรม’ (Office Syndrome) นับเป็นภาวะโรคที่คนยุคใหม่วัยทำงานและทุกวัยต้องประสบจากพฤติกรรมการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หรือก้มดูมือถือเป็นเวลานาน 
 
สมาชิกทีมสตาร์ตอัป Electron Plus คนรุ่นใหม่ 3 นักศึกษา ปริญญาเอก สจล. ประกอบด้วย เฉลิมพล รุจรดาวงศ์ CEO & Co-Founder จักรกฤษ กอบพันธ์ CTO & Co-Founder และณัฐริกา ทีฆะสุข CMO โดยมี รศ.อาภาภรณ์ สกุลการะเวก และ ผศ.ณัฏกฤษ สมดอก คณะวิทยาศาสตร์ สจล. เป็นที่ปรึกษา

ปัจจุบันกำลังสร้าง Pilot Plant ด้าน Flexible Thermoelectric ซึ่งเป็น Core Technology ในคณะวิทยาศาสตร์ สจล. กำหนดเสร็จกลางปี 2567 เพื่อส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา

จักรกฤษ กอบพันธ์ (แมค) หัวหน้าทีม สตาร์ตอัป Electron Plus นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ สจล. และ CTO & Co-Founder กล่าวว่า นวัตกรรม ‘อีเซีย’ (EASEA) ลูกประคบไฮเทค มีแนวคิดมาจาก ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมผสมผสานวัฒนธรรมความเป็นไทยเข้ากับเทคโนโลยี ในรูปแบบอุปกรณ์การนวดที่ทันสมัย เหมาะกับวิถียุคดิจิทัล

จากสถิติของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “คนวัยทำงานร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม” และปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aged Society) อย่างสมบูรณ์

กลุ่มคนวัยทำงานที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน การทำอะไรซ้ำๆ หรือการนั่งหลังค่อมบ่อยๆ นั้น จะทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย ปวดเกร็ง และก่อให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบได้

นอกจากนี้ เฮลท์เทค หรือ Wellness Tech ได้รับความสนใจและถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ทั้งมูลค่าทางการตลาดและแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว อีกทั้งกระแสรักสุขภาพและความงามที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคทุกช่วงวัยในประเทศไทย

ขณะที่ข้อมูลจาก Euromonitor International ประเมินว่ามูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์เฮลท์เทคในการดูแลสุขภาพของโลกจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 5.2% CAGR ในช่วงปี 2021-2025 คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

นวัตกรรม ‘อีเซีย’ (EASEA) ลูกประคบไฮเทค เป็นอุปกรณ์การนวดแบบพกพาที่ล้ำสมัย มี 2 หัว ให้เลือกใช้ คือ ด้านหนึ่งประคบร้อน และ อีกด้านหนึ่งประคบเย็น มอบความผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดที่ล้ำสมัย จากแรงบันดาลใจในภูมิปัญญาไทย ที่ใช้ศาสตร์การนวดแบบร้อนสลับเย็น (Contrast Therapy) และการนวดประคบแบบไทย ได้รับความนิยมทั่วโลก

เราดีไซน์เป็นทรงกระบอก ซึ่งจับได้กระชับมือ ด้านประคบร้อนจะเป็นหัวทรงกลมเหมาะสำหรับนวดร่างกายแขนขา ส่วนด้านประคบเย็น จะเป็นหน้าตัดทรงเรียบ เหมาะใช้กับใบหน้าและศีรษะ

ส่วนประกอบหลักของนวัตกรรม ‘อีเซีย’ (EASEA) ลูกประคบไฮเทค ประกอบด้วย

1.รูปทรงภายนอกจะเป็นวัสดุผสมพลาสติก ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล มีน้ำหนักเบา

2. เซมิคอนดักเตอร์: Flexible thermoelectric devices ที่เป็น core technology ในการทำความร้อนและความเย็น ที่ใช้พลังงานต่ำ

3. วงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับควบคุมการทำงาน

4.แบตเตอรี่ลิเธียม ขนาด 5000 mAh.

วิธีการใช้งาน ‘อีเซีย’ (EASEA) ทำได้ง่าย สามารถใช้งานร่วมกับอโรม่าน้ำมันนวดสมุนไพรไทย กลิ่นต่างๆได้ตามความเหมาะสม เริ่มต้นใช้งาน เพียงเปิดสวิทซ์เครื่อง On/Off โดยจะมีหน้าจอแสดงสถานะบอก และเลือกใช้งานได้ว่าเราจะประคบร้อน หรือเย็น จากนั้นนำไปนวดตามจุดที่ต้องการเพื่อช่วยผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดการ ส่งเสริมสุขภาพดี 

จุดเด่นของนวัตกรรม 'อีเซีย’ (EASEA) ลูกประคบไฮเทค คือ เป็นอุปกรณ์เครื่องนวดแบบพกพา ที่สามารถประคบร้อนและเย็นได้สะดวก ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานเพียง 5 วัตต์

เนื่องจาก ทีม สจล. พัฒนาวัสดุ Semiconductors ให้สามารถใช้พลังงานต่ำได้ ซึ่งภายในอุปกรณ์เราใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็ก 1 ก้อน ใช้งานได้นาน 3 - 4 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (กรณีที่เปิดใช้งานตลอดเวลา)

จักรกฤษ กอบพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง สตาร์ตอัป Electron Plus สรุปท้ายว่า เราเป็นบริษัทวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) เป็นผู้เชี่ยวชาญวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Consumer Tech สจล.พร้อมผลักดันให้นวัตกรรม อีเซีย’ (EASEA) ลูกประคบไฮเทค

ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างสูงในงาน Consumer Electronics Show (CES2024) ในลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา สามารถผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต กระจายสินค้าไปยังตลาดในประเทศและต่างประเทศได้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ และผู้รักสุขภาพ.