ไบโอเทคโรดโชว์ พันธุ์ข้าวหอมทางเลือกใหม่ ผลผลิตสูง สู้โลกร้อน

ไบโอเทค สวทช. ร่วม ธ.ก.ส.พิจิตร และสภาเกษตรจังหวัด นำนวัตกรรมข้าวไทยสู้ โลกร้อน ส่งตรงถึงชาวนาพิจิตร พร้อมสร้างห่วงโซ่ความมั่นคง เชื่อมโยงตลาดผู้ปลูกสู่มือโรงสี
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดพิจิตร และสภาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร
จัดอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการผลิตข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบยั่งยืน ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และอุณหภูมิที่สูงขึ้น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดพิจิตร เมื่อเร็ว ๆ นี้ (ปลายเดือน ก.พ. 68)
โดยโรดโชว์ให้ข้อมูลข้าวเจ้า 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวไบโอเทค 1 ข้าวหอมสยาม ข้าวหอมสยาม 2 และข้าวหอมชลสิทธิ์ 2 ที่เป็นนวัตกรรมพันธุ์ข้าวทางเลือกใหม่ พร้อมแนะนำเทคโนโลยีผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี เทคนิคการผลิตข้าวที่ลดการปล่อยคาร์บอน
ตลอดจนแอปพลิเคชันและเทคโนโลยี AI ทางการเกษตร ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว พร้อมสร้างห่วงโซ่ความมั่นคง เชื่อมโยงตลาดระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตข้าวและผู้ประกอบการโรงสี เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และผู้ประกอบการได้พันธุ์ข้าวที่ตรงใจ
ดร.วินิตชาญ รื่นใจชน หัวหน้าทีมวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการเกษตรแบบแม่นยำ (APBT) ไบโอเทค สวทช. เปิดเผยว่า สวทช. ร่วมกับ สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดพิจิตร สภาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร และหน่วยงานพันธมิตร จัดอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้
ภายใต้โครงการ “การใช้พหุเทคโนโลยีและนวัตกรรมขับเคลื่อน BCG Model ยกระดับเศรษฐกิจชุมชนฐานการผลิตข้าว รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบยั่งยืน” ในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดพิจิตร ได้แก่
อ.สามง่าม อ.บึงนาราง อ.วชิรบารมี อ.ทับคล้อ และ อ.วังทรายพูน มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้าวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งในเรื่องนวัตกรรมพันธุ์ข้าวทางเลือกใหม่ที่รองรับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) ได้แก่ ข้าวเจ้าพันธุ์ไบโอเทค 1 ข้าวเจ้าพันธุ์หอมสยาม ข้าวเจ้าพันธุ์หอมสยาม 2 และข้าวเจ้าพันธุ์หอมชลสิทธิ์ 2
ซึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืช และมีคุณภาพการสีและหุงต้มที่ดี เป็นต้น
รวมถึงเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี เทคโนโลยีการผลิตข้าวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือข้าวคาร์บอนต่ำที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนการใช้แอปพลิเคชันและเทคโนโลยี AI ทางการเกษตร เช่น ไลน์บอทโรคข้าว เป็นต้น
โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูงและทนทานต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้แก่เกษตรกรในจังหวัดพิจิตร
สวทช. และสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดพิจิตร จะดำเนินงานร่วมกันเพื่อนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปพัฒนาการเกษตรในชุมชนให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น
โดยมีแผนปฏิบัติการขยายผลโครงการไปยังอำเภอในจังหวัดที่ชัดเจน ได้แก่ อำเภอโพทะเล โดยสหกรณ์การเกษตรโพทะเล จะเน้นการผลิตเมล็ดพันธุ์ขยายและจำหน่ายพันธุ์ข้าวไบโอเทค 1
ส่วนอำเภอทับคล้อ จะเตรียมแผนการจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชนบ้านนิคมราษฎร์บำรุง พันธุ์ข้าวหอมสยาม และอำเภอวชิรบารมี จะเตรียมแผนการจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชนหนองโสน พันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์ 2
นอกจากนี้ จะมีการร่วมหารือกับผู้ประกอบการและโรงสีข้าวในพื้นที่ เพื่อสร้างห่วงโซ่ความมั่นคง เชื่อมโยงตลาดระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตข้าวและผู้ประกอบการโรงสี เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของการผลิตข้าว เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และผู้ประกอบการได้พันธุ์ข้าวที่ตรงใจ
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
ซึ่งจังหวัดพิจิตรเป็นพื้นที่เป้าหมาย (area-based) นำร่อง ก่อนจะมีการขยายผลในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ต่อไป
ด้าน นายนิพนธ์ ชังคะนาค ประธานศูนย์ข้าวชุมชนบ้านนิคม ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เกษตรกรที่นำพันธุ์ข้าวหอมสยามไปปลูก เล่าว่า เริ่มต้นปลูกข้าวหอมสยาม หลังจากประสบปัญหาข้าวหอมมะลิล้มและให้ผลผลิตต่ำ
โดยได้รับพันธุ์ข้าวจากผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ในโครงการ ซึ่งข้าวหอมสยามมีข้อดีคือ ต้นเตี้ย ทนแล้ง และให้ผลผลิตสูงกว่าหอมมะลิถึง 2 เท่า โดยทดลองปลูกพื้นที่ 6 ไร่ ได้ผลผลิต 5 ตัน ซึ่งน่าพอใจมาก
จากนั้นได้ขยายผลจากปีแรกที่ปลูกพื้นที่ 6 ไร่ เป็น 30 ไร่ในปีต่อมา และได้มีบทบาทในการตั้งศูนย์ข้าวชุมชนบ้านนิคม หมู่ 8 ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 24 คน และพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 350 ไร่
นอกจากนี้ ได้มีการวางแผนเรื่องการตลาดและการขาย โดยประสานกับศูนย์พันธุ์ข้าวและโรงสีเพื่อทำ MOU รับซื้อข้าวหอมสยามในราคาที่เหมาะสม อีกทั้งยังสนใจการแปรรูปข้าว โดยเฉพาะการทำสาโท ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิกในชุมชนสนใจและมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต
ทั้งนี้ คุณนิพนธ์และสมาชิกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ และวางแผนที่จะขยายพื้นที่และพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปต่อไปในอนาคต.