ครั้งแรกของโลก วัคซีน TiLV ลดการตายลูกปลาทับทิม ฝีมือนักวิจัยไทย

โรคตายเดือน เป็นหนึ่งในสาเหตุการตายที่สำคัญของลูกปลานิลและปลาทับทิมในช่วงอายุ 1 เดือนแรก ซึ่งหากติดเชื้อ TiLV จะทำให้มีอัตราการตายสูงสุดถึง 80%
โรคตายเดือน หรือโรคไวรัสทิลาเปียเลค (Tilapia Lake Virus : TiLV ) ปัจจุบันการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวพบได้ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก
สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลและปลาทับทิม ขณะเดียวกันก็ยังไม่มี “วัคซีนเฉพาะ” สำหรับควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
ทีมวิจัยนำโดย “รศ.ดร.ศศิมนัส อุณจักร์” ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมวัคซีนและชีวภัณฑ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงพัฒนา “วัคซีน TiLV” ขึ้น เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปลาทับทิม
โดยวัคซีน TiLV ที่พัฒนาขึ้นเป็นวัคซีนชนิดรีคอมบิแนนท์ ที่ผลิตโดยใช้ชิ้นส่วนของไวรัส TiLV ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ โดยใช้เทคนิคทางด้านรีคอมบิแนนท์ดีเอ็นเอ
รศ.ดร.ศศิมนัส อธิบายว่า โรคตายเดือนที่มาจากติดเชื้อไวรัส TiLV จะเกิดกับปลาเล็กในช่วงแรกหลังจากออกจากโรงเพาะเลี้ยง ซึ่งมีการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทำให้เกิดความเครียดและตายในช่วง 1 เดือนแรกเป็นจำนวนมาก
สาเหตุการตายหลัก ๆ มาจากการติดเชื้อไวรัส TiLV ซึ่งทีมวิจัยได้มีการวิเคราะห์พันธุกรรมไวรัสแล้ว พบว่ามีความคล้ายคลึงกับเชื้อที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล จึงออกแบบในการพัฒนาวัคซีนชนิดรีคอมบิแนนท์ขึ้น โดยใช้ชิ้นส่วนที่มีความจำเพาะในหลาย ๆ สายพันธุ์
วัคซีนดังกล่าวผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระดับห้องปฏิบัติการแล้ว โดยสามารถป้องกันปลาทับทิมจากโรค TiLV ได้เป็นอย่างดี และมีความปลอดภัยสูง
เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้จะไม่ผันกลับไปก่อโรคได้เช่นเดียวกับวัคซีนที่พัฒนาจากตัวเชื้อ เช่น วัคซีนเชื้ออ่อนฤทธิ์ (live attenuated vaccine)
จุดเด่นของวัคซีน TiLV จากการทดสอบพบว่าสามารถช่วยลดอัตราการตายจากโรค TiLV จาก 80% เหลือเพียง 10% ไม่มีสารตกค้างในตัวปลาและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเพิ่มอัตรารอดในลูกพันธุ์ปลาที่ย้ายลงสู่กระชังหรือบ่อดิน
จากความสำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการและได้รับตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ เพื่อให้เกิดการต่อยอดไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยในแผนงานอาหารมูลค่าสูง ประจำปี 2565
ในโครงการ “การเพิ่มศักยภาพการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไวรัสเพื่อใช้ในการผลิตพ่อแม่พันธุ์และลูกพันธุ์ปลาทับทิม” ระยะเวลา 3 ปี โดยมีบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยงานร่วมวิจัย
รศ.ดร.ศศิมนัส กล่าวว่า โครงการที่ได้รับทุนจาก บพข. เป็นการวิจัยในการขยายกำลังการผลิตวัคซีนจากระดับห้องปฏิบัติการมาสู่ระดับ pilot scale
โดยมีการผลิตใช้ถังหมักขนาด 5 ลิตร 10 ลิตร และ 50 ลิตร ซึ่งเป็นการประเมินกระบวนการและศักยภาพในการขยายกำลังการผลิตวัคซีน และประสิทธิภาพของวัคซีนในระดับฟาร์มเลี้ยง โดยติดตามได้จาก ระดับภูมิคุ้มกัน และอัตรารอดของปลาที่ได้รับวัคซีน
การสนับสนุนของ บพข. ช่วยให้งานวิจัยฯ สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมในด้านต่าง ๆ ทั้งในส่วนของความร่วมมือกับภาคเอกชน การเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีน และการควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้วัคซีนที่มีคุณภาพคงที่
โดยพัฒนากระบวนการเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีน และทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนที่เพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะเป็นการยืนยันคุณภาพของวัคซีนก่อน นำไปใช้จริงในฟาร์มเพาะเลี้ยง
ทั้งนี้จากการวิจัยพบว่า หากผลิตในถังหมักขนาด 5 ลิตร จะสามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์วัคซีนได้ 15,000 โดส
ซึ่งมีการคำนวณต้นทุนการผลิตที่เกิดจากปริมาณจำนวนวัคซีนที่นำส่งกระจายไปยังระดับฟาร์มเพื่อทำการทดสอบภูมิคุ้มกัน แล้วจะมีราคาอยู่ที่ 2.60 บาทต่อโดส แต่หากผลิตในระดับ 50 ลิตร จะได้วัคซีน 90,000 โดส และจะมีต้นทุนการผลิตประมาณ 1.40 บาทต่อโดส
ผู้วิจัย กล่าวอีกว่า วัตถุประสงค์หลักของการพัฒนาวัคซีน TiLV นี้ คือ การผลิตพ่อแม่พันธุ์ปลาปลอดโรค เพื่อตัดตอนการติดเชื้อและการถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกพันธุ์ปลา ซึ่งเป็นการตัดตอนการที่ก่อให้เกิดการระบาดของโรคไวรัส TiLV
ซึ่งทีมวิจัยเชื่อว่า ไวรัส TiLV ที่แฝงอยู่ในพ่อแม่พันธุ์ สามารถถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมสู่ลูกปลาได้ แม้จะไม่แสดงอาการเมื่ออยู่ในโรงเพาะพันธุ์ เพราะมีระบบความปลอดภัยที่ดี แต่จะมีอาการของโรคเมื่อย้ายไปถึงมือเกษตรกร
“เราอยากตัดตอนโรคจากระบบการผลิตพันธุ์ปลาโดยใช้วัคซีน TiLV จึงต้องเริ่มต้นจากพ่อแม่พันธุ์ที่ปลอดโรคก่อน ลูกจึงจะปลอดโรคตาม ซึ่งการติดตามผลทั้งในพ่อแม่พันธุ์ และลูกพันธุ์ปลาต้องใช้ระยะเวลานาน
ในช่วง 2-3 ปีแรกในการเตรียมพ่อแม่พันธุ์ปลา จึงไม่สามารถผลิตลูกพันธุ์ปลาได้ แต่หลังจากดำเนินโครงการเป็นปีที่ 3 ได้มีการตรวจสอบและติดตามในฟาร์มหลายครั้ง ปรากฏว่าไม่พบเชื้อโรคไวรัส TiLV ติดไปกับลูกพันธุ์ปลาแล้ว”
ปัจจุบัน โครงการสามารถขยายกำลังการผลิต หรืออัพสเกล (upscale) การผลิตวัคซีนรีคอมบิแนนท์ ให้ได้ในระดับ 5 ลิตรและ 50 ลิตร เรียบร้อยแล้ว และได้มีการนำเอาวัคซีนที่ผลิตขึ้นไปใช้ในการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลาทับทิมปลอดโรค
และขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิตลูกพันธุ์ปลาทับทิม คาดว่าจะสามารถผลิตพ่อแม่พันธุ์ เพิ่มขึ้น 10% ทุกปีและเพิ่มลูกพันธุ์ปลาได้ 15% ทุกปี ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มจำหน่ายลูกพันธุ์ปลาปลอดโรค TiLV ไปยังแหล่งเลี้ยงต่าง ๆ แล้ว
อนาคต...ทีมวิจัยจะมีการยกระดับการผลิตเพื่อกระจายไปยังฟาร์มของเกษตรกรมากขึ้น และสามารถนำส่งระบบการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากมีการทดสอบใช้แล้วในภาคเอกชนที่สนใจ จึงนับว่าเป็นมีศักยภาพในการนำผลผลิตจากงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ได้.