'มาเลเซีย - กัมพูชา' เลิกบังคับสวมหน้ากากนอกอาคาร

เว็บไซต์แชนเนลนิวส์ เอเชีย รายงาน นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย แถลงวานนี้ (27 เม.ย.) ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. นี้ การสวมหน้ากากภายนอกอาคารให้เป็นทางเลือกของประชาชน แต่ทางการยังสนับสนุนให้สวมโดยเฉพาะในสถานที่ผู้คนแออัด เช่น ตลาดรอมฎอน สนามกีฬา ตลาดโต้รุ่ง ขณะที่ในอาคาร เช่น ในห้างสรรพสินค้า และรถโดยสารสาธารณะยังบังคับสวมหน้ากาก

พร้อมกันนั้นมาเลเซียยังยกเลิกการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึง สำหรับนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว คนที่หายจากโควิด 6-60 วัน ก่อนออกเดินทาง และนักเดินทางที่อายุไม่เกิน 12 ปี ยกเลิกประกันการเดินทางสำหรับชาวต่างชาติที่จะเข้าประเทศ แต่คนที่ฉีดวัคซีนไม่ครบยังต้องตรวจโควิด และบังคับกักตัวห้าวัน

ทั้งนี้ มาเลเซียเปิดประเทศเต็มตัวเมื่อวันที่ 1 เม.ย. หลังปิดนานกว่าสองปี วานนี้รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อประจำวันอังคาร (26 เม.ย.) 3,361 คน เพิ่มขึ้นจาก 2,478 คนเมื่อวันจันทร์ (25 เม.ย.) ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มการติดโควิดในมาเลเซียอยู่ในขาลง ตัวเลขระดับห้าหลักรายงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 เม.ย.

เช่นเดียวกับที่กัมพูชา เว็บไซต์พนมเปญโพสต์รายงาน  นายกรัฐมนตรีฮุนเซน แถลงหลังประชุมคณะกรรมการต่อสู้โควิด-19 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากนอกอาคารมีผลทันที ส่วนในอาคาร เช่น ห้องประชุม โรงภาพยนตร์ยังคงบังคับสวม 

“ผมหวังว่าตอนนี้ประชาชนของเราสามารถปลดปล่อยตนเองจากความยากลำบากและความเสียหายได้แล้ว ตอนนี้เราจะไปฉีดวัคซีนแทนการสวมหน้ากาก เพื่อสร้างหลักประกันว่าเราจะยืนหยัดต่อไปได้หลังยกเลิกบังคับสวมหน้ากาก และหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในอนาคต ผมขอให้ทุกคนไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 ที่เป็นจำนวนโดสต่ำสุดในกัมพูชา (ฉีดสามเข็มถือว่าฉีดครบ)” นายกฯ กัมพูชา กล่าวและว่า การฉีดเข็มกระตุ้นให้เป็นไปตามความสมัครใจ ไม่ทำก็ไม่ถูกปรับหรือลงโทษ แต่ประชาชนควรถือเป็น “หน้าที่ทางจริยธรรม” ที่ต้องทำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

พนมเปญโพสต์ รายงานว่า ชาวกัมพูชาราว 6 ล้านคน ยังไม่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์