ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้น 1.83% ท่ามกลางภาวะน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้น 1.83%  ท่ามกลางภาวะน้ำมันตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันศุกร์(6พ.ค.) ดีดตัวขึ้น 1.83% ท่ามกลางภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด หลังโอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย. โดยจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.83%  ปิดที่ราคา 110.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 1.75% หรือ1.94 ดอลลาร์ ปิดที่ราคา 112.83  ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสวานนี้

ทั้งนี้ โอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย. โดยจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค.

โอเปกพลัสมีมติดังกล่าว แม้ว่าสหรัฐและหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตให้มากขึ้นกว่าในระดับปัจจุบัน หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 139 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

อย่างไรก็ดี โอเปกพลัสอ้างว่าทางกลุ่มไม่ควรถูกตำหนิ หรือรับผิดชอบต่อการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่เกิดจากภาวะตึงตัวในตลาดขณะนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาที่ชาติตะวันตกก่อขึ้นเองในการคว่ำบาตรรัสเซีย นอกจากนี้ โอเปกพลัสยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่จะได้รับผลกระทบจากการที่จีนประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้และบางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เห็นพ้องกับชาติตะวันตกในการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างมาก ก็จะสร้างความขัดแย้งกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกพลัสเช่นกัน และอาจนำไปสู่การล่มสลายขององค์กรดังกล่าว

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) เสนอให้ประเทศสมาชิก อียูระงับการนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน

ทั้งนี้ นางฟอน เดอร์ เลเยน เสนอต่อที่ประชุมรัฐสภายุโรปว่า อียูจะระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน และระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ โดยจะระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรวมถึงการขนส่งน้ำมันทางทะเลและท่อส่งน้ำมัน, น้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่น

สำหรับมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียในครั้งนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกอียูทั้งหมด 27 ประเทศ ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ฮังการีและสโลวาเกียจะยังคงสามารถซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียภายใต้ข้อตกลงปัจจุบันจนถึงสิ้นปี 2566